กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
2
ดันกระทู้
3
ดันกระทู้
5
ประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้าฟรี / Re: รับตัดคอนกรีต
« กระทู้ล่าสุด โดย sayjung1 เมื่อ วันนี้ เวลา 02:34 pm »
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้
6
จากเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี เป็น 0.75% ต่อปี ซึ่งเมื่อเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ในฝั่งของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้นการจะเป็นเจ้าของบ้านสักหนึ่งหลัง นอกจากที่จะต้องผ่อนกันในระยะยาว ที่อาจจะนานถึง 30 ปีแล้ว เมื่ออยู่ในช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ถูกปรับเพิ่มขึ้น ทำให้คนที่ต้องผ่อนสินเชื่อต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นไปอีก เช่น จากเดิมที่จ่ายค่าบ้านเดือนละ 10,000 บาท อาจจะถูกตัดเป็นส่วนของเงินต้น 6,000 บาท ดอกเบี้ย 4,000 บาท พอดอกเบี้ยถูกปรับขึ้นไปอีก การจ่ายชำระหนี้ในแต่ละเดือนก็จะถูกปรับในส่วนของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตัดเงินต้นได้น้อยลงนั่นเองค่ะ

สำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือกำลังคิดจะขอ "สินเชื่อที่อยู่อาศัย" ก็ควรจะต้องมีการวางแผน และเตรียมพร้อมเพื่อปรับตัวรับกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต ซึ่งหากต้องการปิดจบหนี้บ้านได้เร็วขึ้น จะทำอย่างไรได้บ้าง วันนี้เรามี 3 ทางเลือกของคนอยากเป็นเจ้าของบ้านเร็วๆ มาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น "การรีไฟแนนซ์ (Refinance)", "การขอลดดอกเบี้ย (Retention)" หรือ "การจ่ายเงินเพิ่มแบบโป๊ะ" รับรองว่าถ้าทำได้แบบนี้ปิดหนี้ได้เร็วแน่นอน
 

1. รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance)
 
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารแห่งใหม่ที่คิดดอกเบี้ยถูกกว่าธนาคารเดิม เพื่อจะได้ผ่อนชำระดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ถูกลง หรืออาจปรับเพิ่ม หรือลดระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อช่วยลดรายจ่ายในแต่ละเดือนลงได้อีกด้วย ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านจะยังคงใช้บ้านเป็นหลักประกันเหมือนเดิม

โดยปกติธนาคารจะมีข้อกำหนดว่า ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ต้องผ่อนชำระสินเชื่อกับธนาคารมาแล้ว 3 ปี ถึงจะทำการรีไฟแนนซ์ได้ ซึ่งก็มักจะเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่อัตราดอกเบี้ยลอยตัวพอดี หากเราไม่รีไฟแนนซ์ เราก็จะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น

จากตัวอย่างตารางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารทหารไทยธนชาต ที่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวซึ่งจะสูงกว่าในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจากตัวอย่างกรณีลูกค้าเลือกทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยหลังจากปีที่ 3 จะอยู่ที่ (MRR* - 1.63%) = 4.65% ต่อปี (*อัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารทหารไทยธนชาต เท่ากับ 6.28% ต่อปี ตามประกาศฉบับล่าสุด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 64)
 
ส่วนอัตราดอกเบี้ยสำหรับการรีไฟแนนซ์ก็จะเป็นเหมือนการขอสินเชื่อใหม่กับต่างธนาคาร ที่ใช้หลักประกันเดิม และได้รับอัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่นใหม่ (ซึ่งจะถูกลงจากอัตราดอกเบี้ยเดิม) ตัวอย่างเช่น
 

สนใจสมัครสินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์ คลิกเลย!!
 
จากตัวอย่างเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรณีลูกค้าเลือกทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยในปีที่ 1 ก็จะอยู่ที่ 2.30% ต่อปีค่ะ ซึ่งน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวจากธนาคารเดิม (ตามตัวอย่างข้างต้น)
 
ซึ่งการรีไฟแนนซ์โดยปกติไม่ว่าจะเป็นจากธนาคารไหน ไปยังธนาคารไหน ก็จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงเช่นนี้ค่ะ แต่การจะตัดสินใจเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารใดก็อาจมีปัจจัยอื่นๆ นอกจากอัตราดอกเบี้ยประกอบด้วย เช่น ความสะดวกของผู้ขอสินเชื่อเอง โปรโมชันฟรีค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ อากรแสตมป์ การทำประกันสินเชื่อ หรือไม่ทำประกันสินเชื่อ เป็นต้น
 

 
2. การขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม หรือ Retention
 
การขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดือน หรือ Retention เป็นการทำธุรกรรมกับธนาคารเดิมที่มีข้อมูลของผู้ขอสินเชื่ออยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของเอกสารสัญญา หรือแม้แต่ประวัติการชำระหนี้ การพิจารณาอนุมัติก็จะใช้ข้อมูลที่ธนาคารมีอยู่ ซึ่งมีข้อดี คือ

 
สะดวก เพราะเป็นการขอสินเชื่อจากธนาคารเดิม
ประหยัดเวลาในเรื่องของการเตรียมเอกสาร (เพราะธนาคารเดิมจะมีข้อมูลของผู้ขอสินเชื่ออยู่แล้ว)
อนุมัติเร็ว
ค่าธรรมเนียมน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์ (บางธนาคารมีค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของค่าธรรมเนียมสินเชื่อเท่านั้น)
แต่อัตราดอกเบี้ยที่ขอลดอาจลดลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้น วิธีการขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม หรือ Retention จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความยุ่งยาก และมียอดเงินต้นคงเหลือไม่มากนัก เช่น บางธนาคารอาจมีข้อกำหนดสำหรับการรีไฟแนนซ์ว่าจะต้องมียอดเงินต้นคงเหลือไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท* ดังนั้นหากเงินต้นเหลือน้อยว่า 1 ล้านบาท และไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้แล้ว วิธีการขอลดดอกเบี้ยก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สามารถผ่อนบ้านหมดได้ไวขึ้นนะคะ
*เงื่อนไขของการขอรีไฟแนนซ์ (เช่น ยอดเงินต้นคงเหลือต้องเป็นเท่าไหร่) โปรดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากธนาคารอีกครั้ง
 

3. การจ่ายเงินเพิ่มแบบโป๊ะ
 
การจ่ายเงินเพิ่มแบบโป๊ะ โดยความหมายคือ การจ่ายเงินเพิ่มจากยอดที่ต้องจ่ายจริง มีอยู่ 2 รูปแบบคือ การโป๊ะแบบรายเดือน และการโป๊ะเงินต้นเป็นครั้งๆ ซึ่งทั้ง 2 วิธี ก็ช่วยให้ผู้กู้สามารถลดยอดเงินต้นได้เร็วขึ้น ภาระดอกเบี้ยก็จะลดน้อยลง* สามารถลดระยะเวลาการผ่อนชำระ และช่วยให้สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ไวขึ้นอีกด้วยค่ะ
(*โดยปกติแล้วธนาคารจะคิดดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยแบบลดต้นลดดอก คือ หากจ่ายเงินเพื่อตัดเงินต้นได้มากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยก็จะยิ่งลดตามไปด้วย)
 
ตัวอย่างการจ่ายค่าบ้านแบบโป๊ะเพิ่มทั้ง 2 รูปแบบ (กรณีที่จ่ายชำระหนี้ตรงตามวันที่ธนาคารกำหนด)
 
เงินต้นคงเหลือ 1,000,0000 บาทอัตราดอกเบี้ย 2.00% ต่อปี
ธนาคารกำหนดให้ต้องผ่อนชำระต่อเดือน 10,000 บาท
ผู้กู้โป๊ะเพิ่มเดือนละ 5,000 บาท
โป๊ะเพิ่ม 2 ครั้งในเดือน 6 และเดือน 12 จำนวนครั้งละ 50,000 บาท

 
สรุปในระยะเวลา 1 ปี
สำหรับการโปะหนี้รายเดือน เพิ่มอีกเดือนละ 5,000 บาท ช่วยให้เงินต้นลดลงไปได้ถึง (907,323 - 851,869 = 55,454 บาท)
สำหรับการโป๊ะหนี้ครั้งละ 50,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง ช่วยให้เงินต้นลดลงไปได้ถึง (907,323 - 806,828 = 100,495 บาท)
ซึ่งจะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นการทยอยโป๊ะหนี้แบบรายเดือน หรือการโป๊ะเพิ่มเป็นครั้งๆ ก็ทำให้ยอดเงินต้นลดลงไปได้มากเช่นกัน ซึ่งการคิดดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ดังนั้น ยิ่งเราสามารถตัดเงินต้นได้มากเท่าไหร่ เราก็จะเหลือภาระดอกเบี้ยน้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถปิดจบหนี้บ้านได้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
ไม่ว่าเราจะเลือก "การรีไฟแนนซ์", "การขอลดดอกเบี้ยจากธนาคาร" ทั้ง 2 วิธี เราก็สามารถทำควบคู่ไปกับการจ่ายเงินเพิ่มแบบโป๊ะ ซึ่งจะยิ่งทำให้ยอดหนี้ลดลงเร็วยิ่งขึ้น และบรรลุเป้าหมายได้เป็นเจ้าของบ้านไวยิ่งขึ้นนะคะ

รีไฟแนนซ์บ้าน 2567: 3 ทางเลือกของคนอยากเป็นเจ้าของบ้าน ทำแบบนี้ปิดหนี้ได้เร็ว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111491
7
ขออนุญาต อัพเดทกระทู้
8
หนี้บ้าน เป็นหนี้ก้อนโดระยะยาวที่ต้องใช้ระยะเวลาผ่อนนาน 20 - 30 ปี คนเป็นหนี้บ้านที่อยากปิดจบภาระหนี้เร็วๆ อยากเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ สักที ก็มักจะหาตัวช่วยที่จะทำให้ผ่อนบ้านหมดไวๆ  ซึ่ง "การรีไฟแนนซ์บ้าน" ถือเป็นตัวช่วยอันดับหนึ่งที่คนเป็นหนี้บ้านมักเลือกใช้กันค่ะ และวันนี้…ก่อนที่จะตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน เราจะพามาดู 5W Question ต้องรู้! ว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะมือใหม่เรื่องการเป็นหนี้บ้าน ตามมาดูกันเลย…


What : การรีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ เพื่อมาปิดหนี้กับธนาคารเดิม ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์ จะมีขั้นตอน และค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ เหมือนการยื่นขอสินเชื่อใหม่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน เราควรเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้รอบคอบด้วยนะคะ


Why : ทำไมต้องรีไฟแนนซ์
เนื่องจากการรีไฟแนนซ์จะมีขั้นตอนในการดำเนินการหลายขั้นตอน เหมือนการยื่นขอสินเชื่อใหม่ รวมถึงยังมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องรีไฟแนนซ์ เราลองมาดูเหตุผลหลักๆ ของการรีไฟแนนซ์ กันค่ะ
 
ต้องการลดอัตราดอกเบี้ย หรือต้องการดอกเบี้ยที่ถูกลง
 
ต้องการลดระยะเวลาการผ่อนชำระ เพื่อให้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น
 
ต้องการยืดระยะเวลาผ่อน เพื่อให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง ช่วยให้ผ่อนสบายขึ้น
 
ต้องการวงเงินเพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่อง หรืออาจนำไปต่อเติมบ้านที่อยู่อาศัย


Where : รีไฟแนนซ์ที่ไหนดี
ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน เราควรเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจากหลายๆ ธนาคารก่อน โดยอาจจะมองหาดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่าเดิม ยิ่งมากยิ่งดี หรืออาจจะเลือกเปรียบเทียบจาก ค่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เช่น
 
ธนาคาร   อัตราดอกเบี้ย (ต่อปี)   อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี   อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา
ปีที่ 1   ปีที่ 2   ปีที่ 3   หลังจากนั้น
ธนาคาร A   MLR - 5.225%= 2.950%   MLR - 4.700% = 3.475%   MLR - 4.700% = 3.475%   MLR - 2.000%= 6.175%   3.300%   5.414%
ธนาคาร B    2.09%   MRR - 3.51% = 3.79%   MRR - 2.91% = 4.39%   MRR - 1.55% = 5.75%   3.42%    5.04%
ธนาคาร C   1.99%   4.00%   MRR - 2.79% = 4.51%   MRR - 2.00% = 5.30%   3.50%   4.59%
หมายเหตุ : 1. ธนาคาร A อัตราดอกเบี้ย MLR = 8.175% ต่อปี / 2. ธนาคาร B อัตราดอกเบี้ย MRR = 7.30% ต่อปี / 3. ธนาคาร C อัตราดอกเบี้ย MRR = 7.30% ต่อปี
 
จากตัวอย่างในตารางข้างต้น หากผู้กู้ต้องการรีไฟแนนซ์มาเพื่อผ่อนต่อระยะสั้นๆ อาจเลือกธนาคาร C ที่คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ในช่วงต้น เพราะหากมีเงินก้อนไปโปะหนี้ช่วงปีแรกได้มาก ยอดหนี้ก็จะลดลงไปมาก และเสียดอกเบี้ยน้อย แต่หากต้องการผ่อนต่อไปตามปกติ อาจจะเลือกพิจารณาธนาคารที่มีค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยใน 3 ปีแรกต่ำกว่า เช่น ธนาคาร A เพราะเมื่อผ่อนต่อในระยะเวลา 3 ปีถัดมา ก็จะเสียดอกเบี้ยน้อยลง ทั้งนี้ หากยอดหนี้ยังคงสูงมากอยู่เมื่อผ่อนครบกำหนดระยะเวลาที่จะสามารถรีไฟแนนซ์แล้ว ผู้กู้ก็ยังคงรีไฟแนนซ์ต่อไปยังธนาคารอื่นๆ ได้อีก โดยอาจจะเลือกเปรียบเทียบในลักษณะเดียวกันค่ะ
 
อย่าลืม! เมื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยแล้ว ควรพิจารณาเรื่องค่าธรรมเนียมในการดำเนินการประกอบด้วยนะคะ เช่น ฟรีค่าจดจำนอง ฟรีค่าประกันอัคคีภัย ฟรีค่าประเมินหลักทรัพย์ เป็นต้น หากธนาคารไหนมีโปรโมชันโดนใจ ดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ สามารถยื่นเอกสารให้ธนาคารพิจารณาวงเงินกู้ได้เลยค่ะ
 

When : เมื่อไหร่ถึงควรรีไฟแนนซ์

โดยปกติธนาคารจะมีโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรืออัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 1 - 3 ปี แรก หลังจากนั้นจะปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ซึ่งธนาคารจะมีเงื่อนไขระบุมาในสัญญากู้ยืมด้วยว่า ผู้กู้จะสามารถรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน ไปธนาคารใหม่ได้เมื่อถึงระยะเวลาเท่าไหร่ โดยปกติจะอยู่ที่ 3 - 5 ปี ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดค่ะ และหากรีไฟแนนซ์ก่อนครบกำหนดตามสัญญา จะต้องเสียค่าปรับ Prepayment ประมาณ 2% - 3% ของยอดเงินต้นคงค้าง
 
ควรรีไฟแนนซ์ไปธนาคารที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่สามารถรีไฟแนนซ์ได้
 
สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตลอด จนกว่าเมื่อคำนวณแล้วพบว่าค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียไม่คุ้มกับอัตราดอกเบี้ยที่ได้ลดลง
 
ธนาคารจะมีกำหนดวงเงินขั้นต่ำที่จะสามารถรีไฟแนนซ์ได้ เช่น ยอดเงินต้นคงค้างต้องมากกว่า 500,000 บาท เป็นต้น
(ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับธนาคารที่จะยื่นขอสินเชื่ออีกครั้ง)


Who : ใคร…ได้ประโยชน์อย่างไร

สำหรับเรื่องการรีไฟแนนซ์ คนที่ได้ประโยชน์สูงสุด คือผู้ขอสินเชื่อค่ะ เพราะเมื่อรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยก็ลดลง ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลง ไม่เครียด ผ่อนสบาย เงินเหลือใช้จ่าย ได้ปิดจบหนี้บ้านไวๆ สุดท้ายก็ Happy Ending ค่ะ
 
สรุปแล้ว สำหรับคนที่ขอสินเชื่อบ้านแล้วอยากปิดจบภาระหนี้ไวๆ ทางเลือกการรีไฟแนนซ์บ้านอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้จริง และช่วยให้เราผ่อนหมดได้ไวขึ้น แต่...ทั้งนี้ เราควรเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ ธนาคารก่อนตัดสินใจด้วยนะคะ


5Wh Question ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111491
หน้า: [1] 2 3 ... 10
Tage : ลงโฆษณาฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google , ประกาศฟรีไม่มี หมดอายุ , ฝากร้านฟรี , ประกาศขายของฟรี ติด google , ลงประกาศฟรี 100 , ลงประกาศฟรี Post ฟรี , ลงประกาศฟรีไม่ต้องสมัคร , เว็บประกาศฟรีติดอันดับ , ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ , ฝากร้านฟรีโพสฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี , ลงประกาศฟรี ติดอันดับ google , ลงประกาศฟรีออนไลน์ , เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ , ลงประกาศฟรี pantip , ลงประกาศฟรี , โพสฟรี โปรโมทฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โพสประกาศฟรี ลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี โฆษณาสินค้าฟรี , เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด เว็บลงประกาศขายฟรี โพสประกาศฟรี ติด google ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายรถฟรี โพสฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ติด google ฝากขายฟรี ลงประกาศสินค้าฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี ติด google