แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 56 57 [58] 59 60 ... 68
571
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)

ราคาโปรโมชั่นเพียง

1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


572
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ


ทำไมต้องใช้บริการจาก

“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม

– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/





573
“การสร้างแบรนด์
ก็เหมือนกับ
การสร้างพื้นที่ทำธุรกิจของคุณเอง
ถ้าคุณไม่สร้างแบรนด์ เท่ากับว่าวันนี้คุณไม่มีพื้นที่ในการทำธุรกิจ“

ครูแมกซ์
“สอนสร้างแบรนด์
สอนทำธุรกิจออนไลน์”

“การสร้างแบรนด์”
ไม่ใช่แค่การทำให้สินค้าดูสวยงาม หรือการทำโลโก้กับสีสันที่ดึงดูดเท่านั้น แต่มันคือศิลปะในการสร้างเสน่ห์ที่ลูกค้าไม่อาจต้านทานได้ มันเหมือนการทำเวทมนตร์ ซึ่งไม่ต้องการไม้กายสิทธิ์ หรือหมวกวิเศษ แต่ต้องการความเข้าใจในลูกค้าและการสื่อสารที่ตรงจุด
สมมติว่าคุณกำลังขายกาแฟ ลองนึกภาพนี้สิ…
คุณไม่ได้แค่ขายกาแฟ แต่คุณกำลังขายช่วงเวลาแห่งความสุข
บทสนทนาที่ดี และความรู้สึกที่อบอุ่นใจ ทุกครั้งที่ลูกค้าหยิบถ้วยกาแฟของคุณ
พวกเขาไม่ได้แค่ดื่ม แต่พวกเขากำลังดื่มด่ำกับเรื่องราวที่คุณเล่า
.
แบรนด์ที่ดี คือแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าจำได้ ไม่ว่าจะผ่านงานโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่โดนใจ หรือแม้กระทั่งการบริการลูกค้าที่เป็นเลิศ ทั้งหมดนี้คือส่วนประกอบในการสร้างแบรนด์ที่สำคัญทั้งนั้น

แบรนด์ที่สามารถเล่าเรื่องราวที่ตรงใจและสร้างความแตกต่าง  จะเป็น แบรนด์ที่มีความมั่นคงและยั่งยืนในตลาด และนั่นคือเหตุผลที่การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่เป็นศิลปะแห่งการเชื่อมต่อกับใจคนอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://www.facebook.com/Krumax181026
เว็บไซด์ : https://businesssmarttools.com/
เบอร์โทร : 093-962-6545




574
รับออกแบบบ้าน
รับออกแบบบ้าน ตามความต้องการ
และงบประมาณ ของเจ้าของบ้าน
ฟังก์ชั่นครบ ดีไซน์สวย สร้างได้จริง
ปรับแบบได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

รับสร้างบ้าน
รับสร้างบ้าน และควบคุมงานโดยทีมสถาปนิก-วิศวกร
ที่มีใบอนุญาต ทีมงานประสบการณ์สูง
เราเลือกใช้แต่วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมรับประกันความพึงพอใจ
บ้านสวย แข็งแรง ทนทาน เสร็จตรงตามเวลา
งบประมาณไม่บานปลาย
กว่า 20 ปี กับงานบริการ

บริษัทรับสร้างบ้าน และออกแบบบ้าน รับประกันคุณภาพมาตรฐานบ้านทุกหลัง


BEST BUILD DESIGN AND CONSTRUCTION
บริษัท เบสท์ บิลด์ ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (สำนักงานใหญ่)
148/2 ซอยปราโมทย์ ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000
โทร. 0997829415


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
Page FB : https://www.facebook.com/AiForRealEstate
เว็บไซด์ : https://luxuryhomesdesigns.com/
เบอร์โทร : 099-782-9415




575
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


576
ไส้เลื่อน หมายถึง ภาวะที่มีลำไส้บางส่วนเคลื่อนตัวหรือไหลเลื่อนมาตุงที่ผนังหน้าท้อง เห็นเป็นก้อนนูนตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหน้าท้อง พบบ่อยที่บริเวณสะดือ ขาหนีบ ต้นขาด้านใน รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดช่องท้อง*

โรคนี้พบได้ประมาณร้อยละ 1-2 ของประชากรทุกกลุ่มอายุ สำหรับกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปีพบได้ประมาณร้อยละ 4

ไส้เลื่อน แบ่งออกเป็นหลายชนิดตามสาเหตุและตำแหน่งที่พบ อาทิ

    ไส้เลื่อนสะดือ (umbilical hernia) หรือ สะดือจุ่น พบบ่อยในทารก มักมีอาการตั้งแต่แรกเกิด เมื่อเด็กร้องไห้จะเห็นสะดือโป่ง ส่วนใหญ่จะหายได้เองก่อนอายุได้ 1-2 ปี ส่วนน้อยจะหายเมื่ออายุได้ 2-5 ปี

ไส้เลื่อนสะดือ ก็อาจพบในผู้ใหญ่ได้ เนื่องจากมีภาวะที่ทำให้หน้าท้องบริเวณรอบสะดืออ่อนแอและเกิดแรงดันในช่องท้องสูง มักจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

    ไส้เลื่อนขาหนีบ (inguinal hernia) นับเป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด (ประมาณร้อยละ 70 ของไส้เลื่อนทั้งหมด) พบในเด็กโตและผู้ใหญ่ และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 10 เท่า (พบว่าในชั่วชีวิตของทุกคนมีโอกาสเป็นไส้เลื่อนประมาณร้อยละ 27 สำหรับผู้ชาย ร้อยละ 3 สำหรับผู้หญิง) จะพบอาการมีก้อนนูนที่บริเวณขาหนีบ ในผู้ชายบางรายอาจมีลำไส้ไหลเลื่อนลงมาที่ถุงอัณฑะ เรียกว่า "ไส้เลื่อนลงอัณฑะ"

ผู้ป่วยอาจมีหน้าท้องตรงบริเวณขาหนีบอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด แต่อาการของไส้เลื่อนมักจะปรากฏเมื่อย่างเข้าวัยหนุ่มสาวหรือวัยกลางคน บางรายอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นในภายหลัง เนื่องจากมีภาวะที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแอและเกิดแรงดันในช่องท้องสูง

    ไส้เลื่อนต้นขา (femoral hernia) พบที่บริเวณต้นขาด้านใน ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าขาหนีบ พบได้ประมาณร้อยละ 3 ของไส้เลื่อนทั้งหมด พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
    ไส้เลื่อนรอยแผลผ่าตัด (incisional hernia) พบได้ประมาณร้อยละ 10 ของไส้เลื่อนทั้งหมด เนื่องจากผนังหน้าท้องในบริเวณแผลผ่าตัดมีความอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้ลำไส้ไหลเลื่อนเป็นก้อนนูนที่บริเวณนั้น

*นอกจากนี้ยังมีไส้เลื่อนที่เกิดขึ้นภายในช่องท้อง ที่พบบ่อยได้แก่ ไส้เลื่อนกะบังลม (hiatal hernia/diaphragmatic hernia) ซึ่งเป็นภาวะที่กระเพาะอาหารบางส่วนไหลเลื่อนลงไปที่กะบังลม ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้


สาเหตุ

เกิดจากผนังหน้าท้องบางจุดมีความอ่อนแอ (หย่อนยาน) ผิดปกติ ทำให้ลำไส้ที่อยู่ข้างใต้เคลื่อนตัวหรือไหลเลื่อนเข้าไปในบริเวณนั้น ความบกพร่องดังกล่าวอาจมีมาแต่กำเนิด หรืออาจเกิดขึ้นในภายหลังเมื่ออายุมากขึ้นก็ได้


ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดไส้เลื่อน ได้แก่

    การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นไส้เลื่อน
    การมีประวัติเป็นไส้เลื่อนในวัยเด็กหรือเคยผ่าตัดไส้เลื่อนมาก่อน
    การมีประวัติผ่าตัดช่องท้องมาก่อน
    ผู้สูงอายุ ซึ่งมีการเสื่อมของผนังหน้าท้อง
    ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือมีน้ำหนักตัวน้อย ซึ่งผนังหน้าท้องส่วนที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังยังไม่เจริญแข็งแรงเต็มที่
    ไอเรื้อรัง เช่น โรคหลอดลมอักเสบ หรือถุงลมปอดโป่งพอง ซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่
    ท้องผูกเรื้อรัง ทำให้มีแรงดันในช่องท้องสูงจากการเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นประจำ
    ต่อมลูกหมากโต ทำให้มีแรงดันในช่องท้องสูงจากการเบ่งถ่ายปัสสาวะเป็นประจำ
    การมีบุตรหลายคน เนื่องจากการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรบ่อยทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแอ และมีแรงดันในช่องท้องสูง
    ภาวะอ้วน การยกของหนักเป็นประจำ การมีน้ำในช่องท้อง (เช่น ในผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง) และการล้างไตผ่านทางช่องท้อง (ในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง) ทำให้มีแรงดันในช่องท้องสูง


อาการ

ทารกที่สะดือจุ่น จะมีอาการสะดือโป่งชัดเจนเวลาร้องไห้ โดยเด็กสบายดี และไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด

ในผู้ใหญ่ หากไส้เลื่อนมีขนาดเล็ก อาจไม่มีอาการชัดเจน เช่น ในผู้หญิงที่เป็นไส้เลื่อนต้นขา มักไม่พบก้อนนูนที่บริเวณต้นขา แต่อาจมีอาการปวดบริเวณต้นขาเป็นครั้งคราวโดยไม่ทราบสาเหตุ จนกว่าก้อนมีขนาดโตขึ้นจึงจะเห็นก้อนนูนได้ชัด

ในรายที่มีไส้เลื่อนขนาดใหญ่ จะมีอาการเป็นก้อนนูนตรงบริเวณที่เป็นไส้เลื่อน (สะดือ ขาหนีบ ต้นขา หรือรอยแผลผ่าตัด) สำหรับไส้เลื่อนขาหนีบซึ่งพบมากในผู้ชาย หากมีลำไส้เลื่อนไหลลงมาที่ถุงอัณฑะ จะพบว่ามีก้อนนูนที่ถุงอัณฑะ ทำให้อัณฑะบวมโตกว่าอีกข้างที่ปกติ


ก้อนนูนของไส้เลื่อนมักจะเห็นชัดขณะลุกขึ้นยืน ยกของหนัก ไอ จาม หรือเบ่งถ่าย เวลานอนหงายก้อนจะเล็กลงหรือยุบหายไป ก้อนมีลักษณะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด (นอกจากในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน อาจมีอาการปวดไส้เลื่อนอย่างฉับพลัน หรือปวดท้องรุนแรง)


ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้จนไส้เลื่อนมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะมีลำไส้ไหลเลื่อนลงมาที่ผนังหน้าท้องจำนวนมากขึ้น จนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ กล่าวคือ ไส้เลื่อนอาจเกิดการติดค้างอยู่ที่บริเวณผนังหน้าท้อง (เช่น สะดือ ขาหนีบ ต้นขา หรือรอยแผลผ่าตัด) ไม่สามารถไหลกลับเข้าช่องท้องได้ตามปกติ เรียกว่า ไส้เลื่อนชนิดติดคา (incarcerated hernia) ซึ่งอาจทำให้มีอาการของลำไส้อุดกั้น คือปวดท้องรุนแรง อาเจียนบ่อย ไม่ผายลม ไม่ถ่ายอุจจาระ

ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้ลำไส้ส่วนที่ติดค้างอยู่ถูกบีบรัดจนบวมและขาดเลือดไปเลี้ยง ในที่สุดเนื้อเยื่อลำไส้จะตายเน่า (gangrene) เรียกว่า ไส้เลื่อนชนิดถูกบีบรัด (strangulated hernia) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง ก้อนไส้เลื่อนปวดเจ็บมาก และผิวหนังบริเวณนั้นมีสีแดงหรือสีคล้ำ ต่อมาลำไส้ที่ตายเน่าเกิดการทะลุก็จะกลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งจะตรวจพบสะดือโป่ง หรือก้อนนูนที่บริเวณขาหนีบ ต้นขา หรือรอยแผลผ่าตัด

บางรายแพทย์อาจวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

1. สะดือจุ่นในเด็กเล็ก แนะนำให้สังเกตอาการโดยไม่ต้องให้การรักษาใด ๆ แพทย์จะทำการผ่าตัดแก้ไขเมื่อสะดือจุ่นมีอาการปวด, มีอาการปวดท้องและอาเจียนรุนแรง (จากภาวะลำไส้อุดกั้นแทรกซ้อน), สะดือจุ่นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1-2 ซม., เมื่อครบอายุ 2 ปีแล้วสะดือจุ่นขนาดยังไม่เล็กลง หรือเมื่ออายุครบ 5 ปีแล้วยังไม่ยุบหายดี

2. สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไส้เลื่อนสะดือ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการปวดหรือก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น

3. ไส้เลื่อนที่พบบริเวณขาหนีบ ต้นขา หรือรอยแผลผ่าตัด ถ้ามีขนาดเล็กและไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ และนัดมาตรวจเป็นระยะ หากพบว่าก้อนมีขนาดใหญ่หรือมีอาการปวด หรือผู้ป่วยมีความวิตกกังวล แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดแบบไม่เร่งด่วน คือ นัดให้มารับการผ่าตัดเมื่อสะดวกและมีความพร้อม

4. ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปวดท้องรุนแรง อาเจียนรุนแรง หรือก้อนติดคา แพทย์จะทำการผ่าตัดแบบเร่งด่วน

ผลการรักษา สำหรับไส้เลื่อนที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน การผ่าตัดช่วยให้หายเป็นปกติได้เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่อาจมีไส้เลื่อนเกิดขึ้นใหม่ในเวลาต่อมาได้

ในรายที่ปล่อยไว้จนกลายเป็นไส้เลื่อนชนิดติดคา และเกิดภาวะลำไส้อุดกั้น และ/หรือเป็นไส้เลื่อนชนิดถูกบีบรัด ถ้าได้รับการผ่าตัดอย่างทันท่วงทีก็จะปลอดภัยและหายเป็นปกติได้ แต่ถ้าได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจได้รับอันตรายถึงเสียชีวิตได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการก้อนนูนที่บริเวณหน้าท้อง ขาหนีบ หรือต้นขาเป็นครั้งคราวขณะลุกขึ้นยืน ยกของหนัก ไอ จาม หรือเบ่งถ่าย ควรปรึกษาแพทย์


เมื่อตรวจพบว่าเป็นไส้เลื่อน ควรดูแลรักษา ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด สำหรับกรณีต่อไปนี้

    ในรายที่ยังไม่ได้รักษาด้วยการผ่าตัด และแพทย์แนะนำให้สังเกตอาการ หรือรอนัดผ่าตัด หากมีอาการไส้เลื่อนติดค้างอยู่ข้างนอก ไม่ไหลกลับเข้าไปในช่องท้องอย่างที่เคย ก้อนไส้เลื่อนมีอาการปวดเจ็บ หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง หรืออาเจียนมาก ควรไปพบแพทย์โดยด่วน
    ในรายที่แพทย์รักษาด้วยการผ่าตัด และกลับมาพักฟื้นที่บ้าน หากมีอาการผิดปกติ (เช่น มีไข้ ปวดท้อง อาเจียน กินอาหารไม่ได้ แผลอักเสบ เป็นต้น) มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา หรือมีความวิตกกังวล ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว


การป้องกัน

ส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากผู้ป่วยไส้เลื่อน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไส้เลื่อนขาหนีบ ไส้เลื่อนสะดือ) มักเกิดจากการมีความอ่อนแอของผนังหน้าท้องมาแต่กำเนิด

อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดแรงดันในช่องท้องสูง อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดไส้เลื่อนและการกำเริบซ้ำของโรคนี้     

    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ไม่สูบบุหรี่ เพื่อป้องกันโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและถุงลมปอดโป่งพอง (ซึ่งทำให้มีอาการไอเรื้อรัง)
    ป้องกันท้องผูกด้วยการกินอาหารที่มีกากใยมาก และดื่มน้ำมาก ๆ
    หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
    หากมีอาการไอเรื้อรัง ท้องผูก ต่อมลูกหมากโต ควรรีบดูแลรักษาให้อาการทุเลาลง


ข้อแนะนำ

1. ควรอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจถึงสาเหตุและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นของโรคไส้เลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไส้เลื่อนที่ขาหนีบ ซึ่งพบว่าบางคนรู้สึกว่าการมีก้อนนูนที่ขาหนีบเป็นสิ่งที่น่าละอาย และไม่กล้าไปพบแพทย์

2. การรักษาไส้เลื่อนให้หายขาดมีอยู่ทางเดียวคือการผ่าตัดซ่อมแซมผนังหน้าท้องให้แข็งแรง ซึ่งแพทย์จะนัดทำในเวลาที่เหมาะสม ระหว่างที่รอนัดมาผ่าตัด (ซึ่งอาจนานเป็นแรมปี) ผู้ป่วยควรสังเกตอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง ถ้าหากมีอาการปวดท้อง อาเจียน หรือความผิดปกติอื่น ๆ ก็ควรไปโรงพยาบาลโดยเร็ว

3. ในปัจจุบันการผ่าตัดมีหลายวิธี ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย นอกจากการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (open surgery) ซึ่งทำกันมาแต่เดิมแล้ว ยังมีวิธีใหม่ ๆ อาทิ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง (laparoscopic surgery) และการใช้แขนกลช่วยผ่าตัดด้วยระบบดาวินชี (robotic-assisted da Vinci surgical system) ซึ่งการผ่าตัดด้วยวิธีใหม่ ๆ ให้ผลดีกับผู้ป่วยหลายประการ เช่น รอยแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมากและเจ็บแผลน้อย เสียเลือดน้อย เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดน้อย อยู่โรงพยาบาลเพียงไม่กี่วัน และฟื้นตัวได้เร็ว




doctor at home: ไส้เลื่อน (Hernia)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com

577
โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบบ่อยในกลุ่มวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มักเป็น ๆ หาย ๆ เป็นประจำโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ เมื่ออายุมากขึ้นจะเป็นห่างออกไปเรื่อย ๆ บางรายอาจหายขาดเมื่ออายุมาก

*มีชื่อเรียกอื่น เช่น canker sore, ulcerative stomatitis, recurrent aphthous stomatitis ชาวบ้านมักเรียกว่า แผลร้อนใน


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน และอาจมีความสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ การแพ้สารบางอย่าง การเกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองหรือออโตอิมมูน)

พบว่าร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบบ่อย จะมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว สันนิษฐานว่าส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ อีกส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน (เช่น อาหาร สิ่งกระตุ้นให้โรคกำเริบ)

ผู้ป่วยที่เกิดแผลแอฟทัส อาจพบว่ามีสิ่งกระตุ้นให้อาการกำเริบ อาทิ

    ความเครียด เช่น ขณะคร่ำเคร่งกับงาน หรืออ่านหนังสือสอบ อดนอน
    การได้รับบาดเจ็บในช่องปาก เช่น เยื่อบุปากหรือลิ้นถูกกัดหรือถูกแปรงสีฟัน ฟันปลอม หรืออาหารแข็ง ๆ กระทบกระแทก
    การมีประจำเดือน
    การใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่เจือปนสารลดแรงตึงผิว (มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดและเกิดฟอง) เช่น sodium lauryl sulfate,  sodium lauroyl sarcosinate
    การแพ้อาหาร เช่น แป้งข้าวสาลี ไข่ นมวัว เนยแข็ง กาแฟ โคล่า ช็อกโกแลต อาหารที่มีรสเค็ม รสเผ็ด ของเปรี้ยวหรือผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด (เช่น ส้ม ส้มโอ สับปะรด สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ เป็นต้น)
    การแพ้แบคทีเรียบางชนิดที่มีอยู่ในช่องปาก
    การใช้ยา เช่น แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ ยารักษาโรคกระดูกพรุน-อะเลนโดรเนต (alendronate)
    ภาวะขาดธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิก หรือวิตามินบี 12
    ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
    การป่วยเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease/IBD)*
    การเลิกบุหรี่ อาจกระตุ้นให้เกิดแผลแอฟทัสในบางรายที่เลิกบุหรี่ใหม่ ๆ

*โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease/IBD) ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

โรคนี้พบว่ามีการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองหรือออโตอิมมูน (autoimmune) ถ้ามีการอักเสบจำกัดอยู่เฉพาะในลำไส้ใหญ่ เรียกว่า "โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (ulcerative colitis)" ถ้ามีการอักเสบที่จุดใดจุดหนึ่งหรือหลายจุดของทางเดินอาหารตลอดแนวตั้งแต่ปากจนถึงทวารหนัก เรียกว่า "โรคโครห์น (Crohn’s disease)"

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว เป็น ๆ หาย ๆ อย่างเรื้อรัง ด้วยอาการปวดท้อง ท้องเดิน อุจจาระมีเลือดหรือมูกปน และอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือด (เนื่องจากมีแผลที่ลำไส้ ทำให้มีเลือดออก) ซีด (จากการเสียเลือด) มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดร่วมด้วย

อาการ

อาการที่สำคัญคือ มีแผลเจ็บในช่องปาก ซึ่งอาจพบที่ริมฝีปาก (ด้านใน) กระพุ้งแก้ม ลิ้น (ด้านข้าง/ด้านใต้) เพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย ทอนซิล หรือพื้นปาก (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ลิ้นและเหงือก) ส่วนใหญ่จะมีเพียงแผลเดียว บางรายอาจมีหลายแผลเกิดขึ้นพร้อมกัน

ในรายที่มีแผลที่บริเวณผนังคอหอย/ทอนซิล จะมีอาการเจ็บคอเพียงจุดเดียวหรือข้างเดียว (ซึ่งผู้ป่วยสามารถระบุตำแหน่งได้) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะรู้สึกเจ็บมากเวลากลืนหรือพูด ทำให้กลืนหรือพูดลำบาก และอาจมีอาการปวดร้าวไปที่หูข้างเดียวกันเวลากลืน

อาการเจ็บแผลมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งค่อย ๆ เจ็บมากขึ้นทุกวันในช่วง 3-4 วันแรก หลังจากนั้นจะทุเลาลงไปเอง 

บางรายอาจพบว่ามีอาการเกิดขึ้นเวลามีสิ่งกระตุ้น (เช่น ความเครียด การอดนอน การมีประจำเดือน การเผลอกัดถูกริมฝีปาก/กระพุ้งแก้ม/ลิ้น หรือถูกแปรงสีฟันกระแทก การใช้ยาสีฟันหรือยาบางชนิด การกินอาหารหรือผลไม้บางชนิด เป็นต้น) หรืออาจอยู่ดี ๆ ก็กำเริบขึ้นโดยไม่ทราบว่ามีอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นก็ได้

บางรายอาจมีความรู้สึกแสบร้อน หรือเสียวซ่าในปาก 1-2 วันก่อนมีแผลเกิดขึ้น

ในช่วงที่มีอาการเจ็บแผล จะรู้สึกปวดหรือเจ็บแสบเวลากินอาหารแข็ง ๆ หรืออาหารรสเค็ม เผ็ดหรือเปรี้ยวจัด ถ้าเป็นแผลขนาดใหญ่ อาจเจ็บมากจนกินอาหาร ดื่มน้ำ และพูดได้ลำบาก 

หลังมีอาการกำเริบได้ 3-4 วัน อาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงและมักจะหายเป็นปกติได้เองใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อเว้นไปสักระยะหนึ่ง อาจนานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ หรือมากกว่านั้น ก็อาจจะมีอาการกำเริบอีก และมักจะเป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้อยู่เรื่อยไป   

บางรายที่เป็นแผลแอฟทัสชนิดรุนแรง อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณข้างคอหรือใต้คางบวม ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก


ภาวะแทรกซ้อน

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายอะไร นอกจากสร้างความเจ็บปวด กินและพูดลำบากชั่วคราว

สำหรับผู้ที่มีแผลแอฟทัสขนาดใหญ่ อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยมาก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ คือ แผลในปาก ซึ่งมีหลายลักษณะ* ส่วนใหญ่เป็นแผลแอฟทัสเล็ก

ส่วนน้อยเป็นแผลแอฟทัสใหญ่ หรือแผลแอฟทัสชนิดคล้ายเริม

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจตรวจพบไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณข้างคอหรือใต้คางบวม หรือแผลติดเชื้อแบคทีเรีย

*แผลแอฟทัสมีอยู่ 3 ชนิดได้แก่

1.  แผลแอฟทัสเล็ก (minor aphthous ulcers) ซึ่งพบได้มากกว่าร้อยละ 80 จะเป็นแผลตื้นลักษณะรูปไข่ ขนาด 3-5 มม. (ไม่เกิน 1 ซม.) มีวงสีแดงอยู่โดยรอบ ขอบแผลอาจบวมเล็กน้อย พื้นแผลมีสีขาวหรือเหลือง และกลายเป็นสีเทาเมื่อใกล้หาย มักพบที่บริเวณริมฝีปาก (ด้านใน) กระพุ้งแก้ม ลิ้น (ด้านข้างและด้านใต้) เพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย ทอนซิล หรือพื้นปาก (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ลิ้นและเหงือก) มักไม่พบที่เหงือก เพดานแข็ง และลิ้น (ด้านบน) อาจเป็นเพียงแผลเดียว หรือหลายแผล (2-5 แผล) พร้อมกัน มีอาการเจ็บปวดไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่เป็นแผลเป็น อาจกำเริบได้ทุก 1-4 เดือน

2. แผลแอฟทัสใหญ่ (major aphthous ulcers) พบได้ประมาณร้อยละ 10-15 มีลักษณะคล้ายกับแผลแอฟทัสเล็ก แต่แผลมีลักษณะลึกกว่า มีขนาดมากกว่า 1 ซม.ขึ้นไป ขอบแผลบวม และมีอาการเจ็บปวดรุนแรงกว่า (มักจะรู้สึกเจ็บมากเวลากินอาหารหรือดื่มน้ำ ถ้าขึ้นที่เพดานอ่อน จะรู้สึกเจ็บมากเวลากลืน) แผลมีลักษณะรูปวงกลม อาจขึ้นเพียงแผลเดียว หรือเป็น 2 แผลคู่กัน นอกจากพบในตำแหน่งเดียวกับแผลแอฟทัสเล็กแล้ว ยังอาจพบที่เพดานแข็งและลิ้น (ด้านบน) ได้อีกด้วย แผลมักหายช้า (ใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์) และเป็นแผลเป็น อาจกำเริบได้บ่อยมาก บางครั้งอาจพบในผู้ป่วยเอดส์

3. แผลแอฟทัสชนิดคล้ายเริม (herpetiform ulceration) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเริม พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 จะพบในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่ากลุ่มคนที่เป็นแผลแอฟทัส 2 ชนิดข้างต้น พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แรกเริ่มจะขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก (1-2 มม.) นับเป็น 10-100 ตุ่ม แล้วแตกแผ่รวมเป็นแผลเดียวขนาดใหญ่ (คล้ายแผลแอฟทัสใหญ่) ขอบแผลไม่เรียบ มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างรุนแรง พบในตำแหน่งต่าง ๆ แบบเดียวกับแผลแอฟทัสใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้างลิ้นหรือใต้ลิ้นมักพบได้บ่อย แผลหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่เป็นแผลเป็น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. แนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย ในการดูแลตนเอง และการป้องกันไม่ให้แผลกำเริบบ่อย ในรายที่มีอาการปวดมากให้ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล และแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งต่อไปนี้ ป้ายแผลวันละ 2-4 ครั้ง จนกว่าจะทุเลา

    ครีมสตีรอยด์ชนิดป้ายปาก เช่น ครีมป้ายปากไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์ (บรรเทาปวดและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น)
    ยาชา เช่น เจลลิโดเคน (lidocaine) ชนิด 2% (บรรเทาปวด)

2. ในรายที่ให้ดูแลรักษาข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการรุนแรง แผลไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย (เช่น ซีดหรือโลหิตจาง ปวดท้องบ่อย ท้องเดินเรื้อรัง มีไข้เรื้อรัง น้ำหนักลดฮวบ) แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ใช้กล้องส่องตรวจทางเดินอาหาร ตรวจชิ้นเนื้อ (โดยตัดเนื้อเยื่อจากแผลไปส่งตรวจ) เป็นต้น ให้การรักษาตามสาเหตุและความรุนแรง เช่น ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน, ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีโลหิตจางจากภาวะขาดเหล็ก, ให้กรดโฟลิกหรือวิตามินบี 12 หรือสังกะสีในรายที่ขาด, รักษาโรคที่ตรวจพบ (เช่น เอดส์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง) เป็นต้น

หากไม่มีภาวะผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย และให้การรักษาดังข้อที่ 1 ไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสตีรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) กินระยะสั้น ๆ เพื่อลดการอักเสบ ยานี้แพทย์จะใช้เท่าที่จำเป็น เนื่องเพราะใช้พร่ำเพรื่อหรือนาน ๆ มีผลข้างเคียงมากและอาจเกิดอันตรายได้

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ต้องใช้ยา (นอกจากยาบรรเทาปวดในรายที่ปวดมาก) แต่มักจะมีอาการกำเริบได้บ่อย โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ 

ส่วนน้อยที่อาจมีความรุนแรง (ซึ่งการให้ยาบรรเทาอาการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล) หรือมีโรค/ภาวะผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องให้การรักษาควบคู่ไปด้วย


การดูแลตนเอง

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย หรือเคยรักษาแผลแอฟทัสมาก่อน และมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง ควรปฏิบัติ ดังนี้

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายแผล เช่น อาหารเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด อาหารแข็ง
    กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 มล. ในน้ำ 1 แก้ว) วันละ 2-3 ครั้ง
    ถ้าปวดให้อมน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ดื่มน้ำเย็น
    ถ้าปวดมากให้กินพาราเซตามอล* และ/หรือใช้ยาป้ายแผลในปากตามที่แพทย์แนะนำ

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง อ่อนล้า ซีด หรือน้ำหนักลดร่วมด้วย หรือมีอาการปวดท้องและท้องเดิน เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
    ปวดแผลรุนแรง กินยาบรรเทาปวดไม่ได้ผล
    กินอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ
    แผลมีขนาดใหญ่ หรือขึ้นพร้อมกันหลายแผล
    มีอาการเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติการแพ้ยา สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือมีโรคตับ โรคไต หรือประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยา หรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    ดูแลตนเอง 3-4 วันแล้วอาการปวดไม่ทุเลา
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

2. ถ้าสงสัยว่ามีอาการรุนแรง หรือไม่มั่นใจที่ดูแลตนเองตั้งแต่แรกควรไปพบแพทย์ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นแผลแอฟทัส ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
    - กินอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ
    - ใช้ยาที่แพทย์แนะนำ 3-4 วันแล้วอาการปวดไม่ทุเลา หรือกลับมีอาการปวดมากขึ้น หรือมีไข้ขึ้น
    - มีอาการที่สงสัยว่าแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

ผู้ที่เคยเป็นแผลแอฟทัส ควรป้องกันไม่ให้แผลกำเริบบ่อยโดยปฏิบัติตัว ดังนี้

1. หมั่นออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียด

2. กินอาหารให้ครบทุกหมู่ (ได้สารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ครบถ้วน) และกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้หรือกระตุ้นให้เกิดแผลแอฟทัส

4. ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาด โดยการแปรงฟันหลังกินอาหารทุกครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง อย่าให้มีเศษอาหาร (ที่อาจกระตุ้นให้แผลกำเริบ) ค้างคา ควรใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กและขนนุ่มเพื่อไม่ให้ปากถูกกระทบกระแทก

ควรไปตรวจช่องปากและฟันกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลรักษาฟันให้ดี (เช่น การแก้ไขฟันที่มีความแหลมคม การดูแลฟันปลอม) ไม่ให้เกิดการกระทบต่อช่องปากให้เกิดแผลแอฟทัส

5. ไม่ใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่เจือปนสาร sodium lauryl sulfate หรือ sodium lauroyl sarcosinate


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ

2. ควรแยกแผลแอฟทัสออกจากเริมในช่องปากชนิดกำเริบซ้ำ ซึ่งมักจะขึ้นเป็นแผลเดียวที่เหงือกหรือเพดานแข็ง และอาจมีไข้ร่วมด้วย ทั้ง 2 โรคนี้สามารถให้การรักษาตามอาการก็หายได้เอง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมสตีรอยด์ที่ใช้ป้ายแผลแอฟทัสในปาก เพราะถ้าเป็นเริมอาจทำให้โรคลุกลามได้

3. ในผู้หญิง แผลแอฟทัสมักกำเริบเวลามีประจำเดือน (ซึ่งอาจป้องกันได้ด้วยการกินยาเม็ดคุมกำเนิด) และขณะตั้งครรภ์มักจะไม่มีอาการกำเริบจนกว่าจะคลอด

4. ผู้ป่วยแผลแอฟทัสส่วนใหญ่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย และหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งสามารถดูแลตนเองได้ อย่างไรก็ตาม ก็ควรเฝ้าสังเกตตัวเอง หากมีอาการผิดสังเกต รู้สึกมีอาการที่รุนแรง หรือรักษาตัวเองแล้วไม่ทุเลา ก็ควรไปพบแพทย์

5. ในรายที่เป็นแผลแอฟทัสใหญ่ (มากกว่า 1 ซม.) หรือเป็นรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรตรวจหาสาเหตุ บางรายอาจพบร่วมกับโรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) ในรายที่เป็นแผลนานเกิน 3 สัปดาห์ อาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งช่องปากระยะแรกก็ได้

6. ผู้ที่เป็นแผลแอฟทัสบ่อย บางรายอาจมีโรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune diseases) เกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง เอสแอลอี คอพอกเป็นพิษ เป็นต้น หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดฮวบ ไข้เรื้อรัง ปวดข้อนิ้วมือนิ้วเท้าเรื้อรัง ปวดหลังเรื้อรัง เป็นต้น ก็ควรไปพบแพทย์



ตรวจอาการด้วยตนเอง: แผลแอฟทัส (Apthous ulcers) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

578
โครงการเงินฝากพิเศษ 18 เดือน-เงินทุน แอ็ดวานซ์

จุดเด่น
โครงการเงินฝากพิเศษ 18 เดือน รับดอกเบี้ยสูง 2.550% ต่อปี
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 100,000 บาท
สามารถเลือกรับดอกเบี้ยแบบรายงวดทุก 3,6 หรือ 12 เดือน หรือเมื่อครบกำหนดได้

รายละเอียดบัญชี

สถาบันการเงิน : บริษัท เงินทุน แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน)
ชื่อบัญชี : โครงการเงินฝากพิเศษ 18 เดือน
ลักษณะบัญชี : ไม่ต้องฝากทุกเดือน
ผู้มีสิทธิฝากและคุณสมบัติ : บุคคลธรรมดา
เปิดบัญชีขั้นต่ำ : 100,000 บาท
ระยะเวลาฝากขั้นต่ำ : 18 เดือน
ประเภทอัตราดอกเบี้ย : แบบอัตราคงที่
อัตราดอกเบี้ย
ระยะเวลาฝาก   ช่วงเงินฝากที่เลือก   บุคคลธรรมดา   นิติบุคคลทั่วไป   นิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร   ราชการ   รัฐวิสาหกิจ
18 เดือน   ตั้งแต่ 100,000   2.550 %   -   -   -   -
หมายเหตุ : อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยธนาคารตามประกาศฉบับล่าสุด ดูได้ที่นี่
รายละเอียดดอกเบี้ย : -

เงื่อนไขสำคัญ :
รับฝากเงินในรูปแบบ "บัตรเงินฝาก"
รับฝากสำหรับลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดา
จำนวนเงินฝากขั้นต่ำฉบับละ 100,000 บาท
บริษัทมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยเงินฝากตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
บริษัทไม่คิดค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการใดๆ
จำนวนเงินฝากตั้งแต่ 500,000 บาท ขึ้นไป ผู้ฝากสามารถเลือกรับดอกเบี้ยรายงวด 3 เดือน, 6 เดือน, 12 เดือน หรือ เมื่อครบกำหนดได้
เงินต้นและดอกเบี้ยของผู้ฝากจะได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากตามจำนวนที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฏีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2563
 
การจ่ายดอกเบี้ย : สามารถเลือกให้จ่ายดอกเบี้ยรายงวด 3, 6 หรือ 12 เดือน หรือเมื่อครบกำหนดได้
สิทธิการถอนก่อนกำหนด : ในกรณีที่ผู้ฝากถอนเงินก่อนวันครบกำหนดการฝาก นับจากวันที่ออกบัตรเงินฝากบริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ฝากจริงด้วยอัตราดอกเบี้ยของระยะเวลาฝาก 1 วัน ตามที่บริษัทประกาศกำหนด ณ วันที่ทำการไถ่ถอนบัตรเงินฝาก

ช่วงที่เปิดรับฝาก : ตั้งแต่ 1 พ.ย. 66
สอบถามเพิ่มเติม :
Tel. 02 626 2300
 
คำแนะนำการใช้ข้อมูล :
อย่าฝากเงินโดยดูดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวแต่ควรพิจารณาเงื่อนไข ความสะดวกและความมั่นคงของสถาบันการเงินประกอบทุกครั้ง
รายละเอียดที่นำเสนอเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น โปรดตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขและรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากกับธนาคารทุกครั้งก่อนตัดสินใจ


money expo: โครงการเงินฝากพิเศษ 18 เดือน-เงินทุน แอ็ดวานซ์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/moneyexpo/

579
มันจะดีแค่ไหนหากแบรนด์ที่คุณสร้างมากับมือ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ โซเชียลมิเดีย หรือนิตยาสาร จะบอกว่าสิ่งเหล่านี้สร้างได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้มากมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อยากรู้หรือเปล่าว่าทำอย่างไร บทความนี้จะพามาหาคำตอบกับ วิธีการสร้างแบรนด์ครีมโดยที่ไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องครีม มีเพียงแค่ไหวพริบก็เพียงพอ

1. สำรวจช่องทาง Social เตรียมความพร้อมสู่ตลาดออนไลน์ยุคใหม่

ก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างแบรนด์ครีมของคุณเอง ควรต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายให้รอบคอบเสียก่อน ต้องรู้ว่าแบรนด์ครีมของเราเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าประเภทไหน กำลังซื้อเป็นอย่างไร และเพศวัยใดที่จะสนใจแบรนด์ของคุณ หากเรารู้ฐานข้อมูลลูกค้าแล้ว จากนั้นก็ทำการเจาะช่องทางตลาดออนไลน์ว่าพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลของลูกค้าเราปรากฎในช่องทางไหนมากที่สุด ตัวอย่างเช่น ผลิตแบรนด์ครีมชนิดหนึ่งขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงวัยรุ่น คุณควรต้องศึกษาว่าวัยรุ่นสาวเหล่านี้ชอบเล่นสื่อโซเชียลอะไรบ่อยที่สุด อาจจะเป็น Twitter ที่กำลังมีเทรนด์ หรือจะ Intragram ที่สาว ๆ ชื่นชอบ หากรู้ช่องทางแล้ว ก็ลงมือทำการตลาด ลงคอนเทนต์เพื่อขายแบรนด์ของคุณได้เลย เพราะถ้าหากไม่มีการสำรวจช่องทางโซเชียล คุณอาจจะลงทุนทำการตลาดโดยที่ไม่มีใครสนใจแบรนด์ของคุณเลย เนื่องจากกลุ่มเป้าหมาย ไม่นิยมเล่นสื่อโซเชียลในช่องทางนั้น ๆ มันจะเป็นการลงทุนที่เสียฟรีโดยเปล่าประโยชน์


2. สร้างความเหมือนให้ “ แตกต่าง ”

แบรนด์ครีมถูกผลิตขึ้นมามากมายแต่จะทำอย่างไรให้แบรนด์ครีมของคุณโดดเด่นเหนือผู้อื่น คำตอบคือคุณต้องหาจุดเด่นขายตัวเองให้เป็น ครีมส่วนใหญ่วัตถุประสงค์การขายก็ค่อนข้างที่จะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลให้ผิวขาวใส ลดรอยด่างดำ หรือกระชับผิวพรรณ แต่สิ่งที่คุณจะทำให้แตกต่างได้คือ “ ส่วนผสมในการผลิต ” ที่ต้องไม่เหมือนใคร โดยส่วนผสมหรือวัตถุดิบเพื่อสร้างความขาวใสนั้นมีอยู่มากมาย คุณอาจจะเลือกวัตถุดิบมาสักหนึ่งอย่างที่ไม่เหมือนใครและดึงดูดใจลูกค้าได้  เช่น การเลือกวัตถุดิบหายากจากธรรมชาติ ก็อาจจะทำให้ลูกค้าสนใจ เพราะมีความแปลกใหม่และปลอดภัย สิ่งเหล่านี้แหละ คือผลิตภัณฑ์ครีมคุณ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่มีความรู้ในเรื่องวัตถุดิบก็อาจจะไปปรึกษาบริษัทที่รับผลิตครีมเพื่อช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้ได้


3. ความรู้ยังไม่มี อย่าพึ่งผลิต OEM

คำว่า OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacture หมายถึง การผลิตสินค้า โดยคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง อย่างที่ได้กล่าวไป หากคุณไม่มีความรู้เรื่องครีมเลย ก็ไม่ควรรีบผลิตสูตรครีมขึ้นมาเป็นของตนเอง นอกจากจะเป็นความยากลำบากแล้ว ยังไม่มีความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ถูกส่งไปถึงลูกค้าแล้วเกิดผลกระทบทางลบ อาจสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์ครีมของคุณ จนไม่ได้รับความไว้ใจจากลูกค้าอีกเลยก็เป็นได้


4. ทำความรู้จัก ODM ผู้ช่วยสำคัญต่อการผลิตครีม

หลังจากอ่านหัวข้อด้านบน คุณอาจจิตตกและอยากล้มเลิกความคิดผลิตแบรนด์ครีมของตนเอง ต้องบอกว่าอย่าพึ่งรีบท้อใจไป เพราะเรายังมีวิธีการผลิตแบบ ODM ที่ย่อมาจาก Original Design Manufacture หมายถึง การผลิตสินค้าโดยใช้สูตรมาตรฐานของโรงงานแหล่งผลิต กล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ กับแบรนด์ครีมก็คือ คุณไม่มีความรู้เรื่องส่วนผสมครีม คุณก็นำสูตรจากโรงงานมาเลยโดยตรง แล้วมาสร้าง Branding จากฉลากและบรรจุภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับนักสร้างแบรนด์ครีมมือใหม่


5. ฉลากและบรรจุภัณฑ์ ส่วนสำคัญต่อการสร้างแบรนด์

การออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ครีมคุณเป็นที่รู้จักและสร้างภาพจำให้กับลูกค้า ก่อนอื่นคุณต้องมี ธีม (Theme) และ Mood&Tone ของคุณให้ชัดเจน ว่าอยากให้แบรนด์คุณเป็นที่จดจำในรูปแบบใด และสิ่งสำคัญอีกสิ่งก็คือ สี ที่คุณต้องพยายามทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ผ่าน สี ของบรรจุภัณฑ์ ดังนั้น ไม่ควรใช้สีที่ผสมปนเปกันเยอะเกินไป ควรมีสีหลัก ที่เป็นตัวแทนแบรนด์ของคุณ เพียงแค่สีเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เช่น แบรนด์ค่ายโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย อย่างTrue สีประจำแบรนด์คือ สีแดง AIS สีประจำแบรนด์คือ สีเขียว DTAC สีประจำแบรนด์คือ สีฟ้า แล้วแบรนด์ครีมคุณล่ะ คิดได้หรือยังว่าจะใช้สีอะไร


6. เพื่อเพิ่มยอดขาย อาศัย “ แรงคน ”

เมื่อแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักพอสมควรแล้ว มีฐานการผลิตที่มั่นคง สิ่งต่อไปที่ควรทำคือ การมีตัวแทนจำหน่าย เพราะมันจะเป็นการเพิ่มยอดขาย และขยาย Branding ชั้นดีเลยทีเดียว การมีตัวแทนจำหน่าย นั่นอาจเป็นการบอกว่าแบรนด์ของคุณนั้น มีการตอบรับจากลูกค้าที่ดี จึงต้องขยายแบรนด์ต่อ อีกผลดีคือ คุณจะไม่ต้องเหนื่อยมาก การให้ผู้อื่นมาช่วยคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ดังนั้น อย่ารีรอที่จะขยายขนาดแบรนด์ของคุณให้เติบโตขึ้นไป ด้วยการมี ตัวแทนจำหน่าย

ไม่มีความรู้ด้านครีมแต่สามารถสร้างแบรนด์ครีมให้รวยได้ ! อยากรู้ว่ามีวิธีการอย่างไร คุณจะได้คำตอบจากบทความนี้ ที่จะพาคุณมาเรียนรู้การสร้าง Branding ครีมอย่างละเอียด ทำความรู้จัก ODM และ OEM ตัวช่วยสำคัญต่อการผลิตครีม ทำอย่างไรถึงเจาะตลาดออนไลน์ให้ถูกกลุ่มลูกค้า หรือแม้กระทั่งแนวคิดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จกับแบรนด์ครีมของคุณ ทุกอย่างรวมอยู่ในบทความนี้ที่เดียว


สอนสร้างธุรกิจ: สร้างแบรนด์ได้ แค่เน้น “ ไหวพริบ ” อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/

580
รับสร้างบ้าน โดยผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือบริษัทรับสร้างบ้าน ก็อาจะเจอปัญหาได้หากคุณขาดความรู้ความเข้าใจและความระมัดระวัง เพราะอาจเจอแจ็กพอต เจอช่างสร้างบ้านที่ไม่ได้คุณภาพ ทิ้งงาน สร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ก็โดนฟันราคาสูง งบบานปลาย โดยที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย

แต่เรื่องทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าลองมาดูคำแนะนำดี ๆ สำหรับการเฟ้นหาบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีและมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมที่รับรองว่ารับมือเรื่องปวดหัวในการหาผู้รับเหมาได้อย่างแน่นอน


รับสร้างบ้าน 5 ขั้นตอนเลือกบริษัทรับสร้างบ้านให้ไม่พลาด

1. ตรวจประวัติและดูผลงาน
จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการตามหาบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีนั้นคือ การค้นหาและคัดเลือกผู้รับเหมาสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและดูน่าไว้วางใจ ด้วยการตรวจประวัติและดูผลงานการก่อสร้างที่ผ่านมา ไม่ว่าคุณจะลองค้นหาชื่อบริษัทจากในอินเทอร์เน็ต หรือลองสอบถามประสบการณ์จากเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงที่เคยใช้บริการ คุณก็จะได้ข้อมูลคร่าว ๆ ก่อนจะเริ่มพูดคุยรายละเอียดกับผู้รับเหมาที่น่าสนใจและรู้สึกจะเข้าท่าจริง ๆ กับบ้านในฝันของคุณ


2. ขอใบเสนอราคาก่อสร้าง
หลังจากหาผู้รับเหมาที่สนใจได้สัก 2-3 รายแล้ว คุณต้องแจ้งรายละเอียดการก่อสร้างและขอใบเสนอราคาจากผู้รับเหมา เพื่อให้ทราบมูลค่าการก่อสร้างทั้งหมดที่คุณต้องจ่าย ซึ่งอาจรวมถึงรายละเอียดและมาตรฐานของวัสดุที่ใช้ แล้วนำใบเสนอราคาทั้งหมดมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ ซึ่งการเสนอราคาก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการทำงานของผู้รับเหมาได้ และคุณก็จะได้เลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีในราคาที่เหมาะสมจากขั้นตอนนี้เอง


3. ต้องมีสัญญาจ้างที่ชัดเจน
เมื่อพึงพอใจกับราคาที่ผู้รับเหมาสร้างบ้านเสนอมาแล้ว ก็ได้เวลาของการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ห้ามตกลงงานกันปากเปล่าเด็ดขาด โดยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพจะเป็นผู้เสนอสัญญาจ้างให้คุณเองเลยโดยไม่ต้องร้องขอ ซึ่งในสัญญาต้องมีการระบุถึงกรอบระยะเวลาการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้ การแบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน มีเงื่อนไขการรับประกันงานก่อสร้าง และถ้ามีพาร์ตเนอร์ที่รับช่วงต่อในงานที่ผู้รับเหมาไม่ถนัด ก็ต้องระบุในสัญญาด้วย


4. มีมาตรฐานในการทำงาน
แม้ว่าคุณจะพยายามหาผู้รับเหมาก่อสร้างให้ดีอย่างไร สุดท้ายมาตรฐานที่แท้จริงก็จะเห็นได้เมื่อเริ่มงาน โดยผู้รับเหมาที่มีมาตรฐานนั้นต้องวางแผนงานให้คุณทราบอย่างเป็นระบบ
หากเป็นงานใหญ่ต้องส่งวิศวกรหรือสถาปนิกของผู้รับเหมามาให้การดูแลถึงหน้างาน และที่ขาดไม่ได้คือเอกสารค่าใช้จ่ายวัสดุ (Bill of Quantities หรือ BOQ) ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้วัสดุและค่าใช้จ่ายระหว่างก่อสร้าง ซึ่งถ้าผู้รับเหมาตกมาตรฐานไหนไป คุณต้องเรียกหาทันทีอย่าได้ช้า

ส่วนงาน                     รายละเอียด
งานก่อสร้าง                     รายละเอียดงานในงานแต่ละส่วน
โครงสร้าง                     ค่าใช้จ่ายในงานโครงสร้างทั้งหมด
สถาปัตยกรรม             งานก่อ ฉาบ ฝ้า พื้น เป็นต้น
งานระบบ                     ระบบประปา ไฟฟ้า สุขาภิบาล


5. มีผู้เชี่ยวชาญตรวจรับงาน
การตรวจรับงานไม่ใช่แค่คนรับเงินมาเดินประกบคุณแล้วชี้ให้ดูโน่นนี่นั่นจากนั้นก็จบ แต่คุณควรมีสถาปนิกหรือวิศวกรก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมตรวจงาน ซึ่งควรหาคนกลางมาเอง แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ควรมีวิศวกรฝั่งผู้รับเหมามาร่วมตรวจงานด้วย

โดยบริษัทรับสร้างบ้านต้องมีรายการตรวจรับงานอย่างชัดเจน หากมีอะไรที่ผิดจากที่เคยตกลงกันไว้ต้องพร้อมแก้ไข และเมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าบ้านของคุณสมบูรณ์แบบแล้ว จึงค่อยชำระเงินงวดสุดท้ายเป็นอันเสร็จสิ้นการส่งมอบงาน


สิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพ

1. มีเอกสารและหลักฐานให้อุ่นใจ
สัญญาจ้างถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการจ้างงานก่อสร้างและมีผลทางกฎหมาย คุณสามารถอุ่นใจได้เลยเมื่อได้รับสัญญาจ้างที่ลงนามกันอย่างถูกต้องระหว่างตัวคุณกับผู้รับเหมา เพราะหากมีการตุกติกหรือหนีงานขึ้นมา คุณก็สามารถใช้สัญญาจ้างและหลักฐานทั้งหมดในการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้รับเหมาได้โดยไม่ต้องนั่งเข่าทรุดน้ำตาตกใน


2. สามารถติดตามงานและค่าใช้จ่ายได้
บริษัทรับสร้างบ้านราคาถูกนั้นมีอยู่ทั่วไป แต่การหาบริษัทรับสร้างบ้านราคาถูกและมีคุณภาพนั้นคุณจะได้รับก็ต่อเมื่อจ้างผู้รับเหมาที่ทำงานได้มาตรฐาน เพราะคุณจะสามารถติดตามความคืบหน้าของงาน การใช้วัสดุต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างก่อสร้าง แม้ว่าจะต้องทำการบ้านหาผู้รับเหมาให้หนักสักนิด แต่ผลที่ได้นั้นคุ้มค่ามากจริง ๆ

3. แบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้า
ไม่ต้องกลัวผู้รับเหมาสร้างบ้านหนีหายไม่พูดไม่จาพร้อมกับเงินก้อนใหญ่ เพราะบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีและมีคุณภาพย่อมต้องจริงใจกับคุณด้วยการให้แบ่งจ่ายเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน (ถ้าไม่ยอมคุณก็เลือกผู้รับเหมาใหม่ได้เลย) แถมการจ่ายเป็นงวดยังแบ่งเบาภาระทางการเงิน ไม่ต้องถอนเงินก้อนใหญ่ออกจากบัญชีของคุณด้วย


4. ลดปัญหาระหว่างและหลังการก่อสร้าง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาจุกจิกในการก่อสร้างมีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ถ้าคุณเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีคุณภาพ พวกเขาก็จะป้องกันและรับมือกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีมาตรฐาน ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่เคยมีผลงานมากมาย ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานก็ยิ่งช่วยลดปัญหาทั้งระหว่างและหลังการก่อสร้างให้คุณได้อย่างแน่นอน

 

วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ไม่ทิ้งงาน งบไม่บานปลาย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

หน้า: 1 ... 56 57 [58] 59 60 ... 68
Tage : ลงโฆษณาฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google , ประกาศฟรีไม่มี หมดอายุ , ฝากร้านฟรี , ประกาศขายของฟรี ติด google , ลงประกาศฟรี 100 , ลงประกาศฟรี Post ฟรี , ลงประกาศฟรีไม่ต้องสมัคร , เว็บประกาศฟรีติดอันดับ , ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ , ฝากร้านฟรีโพสฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี , ลงประกาศฟรี ติดอันดับ google , ลงประกาศฟรีออนไลน์ , เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ , ลงประกาศฟรี pantip , ลงประกาศฟรี , โพสฟรี โปรโมทฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โพสประกาศฟรี ลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี โฆษณาสินค้าฟรี , เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด เว็บลงประกาศขายฟรี โพสประกาศฟรี ติด google ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายรถฟรี โพสฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศสินค้าฟรี ลงโฆษณาฟรี เว็บลงประกาศขายฟรี ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซต์ฟรี ติด google ฝากขายฟรี ลงประกาศสินค้าฟรี , รวมเว็บลงประกาศฟรี ติด google