แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 148
1
เผยสูตรลับ “ซอสกะเพรา” สร้างเงิน สร้างอาชีพ

กะเพราเป็นเมนูยอดนิยมที่ทำขายได้ง่ายและสร้างรายได้ดี การมี "ซอสกะเพรา" สูตรลับเฉพาะ จะช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และสร้างความแตกต่างให้กับร้านของคุณได้ ต่อไปนี้เป็นสูตรซอสกะเพราที่สามารถนำไปปรับใช้และสร้างอาชีพได้:

ส่วนผสมสำหรับซอสกะเพรา (สำหรับ 10 ที่):

พริกขี้หนูสด (หรือพริกจินดา) 100 กรัม (ปรับลดตามความเผ็ดที่ต้องการ)
กระเทียมไทย 150 กรัม
น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง
ซอสหอยนางรม 1/2 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป (หรือน้ำเปล่า) 1/4 ถ้วยตวง
ใบกะเพรา 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง

วิธีทำ:

โขลกพริกและกระเทียมให้ละเอียด (หรือหยาบตามชอบ)
ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืช
ใส่พริกและกระเทียมที่โขลกไว้ ผัดให้หอม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และน้ำซุป
ผัดให้เข้ากัน ชิมรสและปรับตามชอบ
ใส่ใบกะเพรา ผัดเร็วๆ ให้เข้ากัน ปิดไฟ
พักให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท แช่ตู้เย็นไว้ใช้ได้หลายวัน

เคล็ดลับความอร่อย:

เลือกใช้พริกและกระเทียมสดใหม่: จะช่วยให้ซอสมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ดี
ปรับรสชาติ: สามารถปรับรสชาติของซอสได้ตามชอบ เช่น เพิ่มความเผ็ดด้วยพริกแห้ง หรือเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลปี๊บ
ผัดให้หอม: การผัดพริกกระเทียมให้หอม จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับซอส
ใส่ใบกะเพราสด: ใบกะเพราสดจะให้กลิ่นหอมและรสชาติที่ดีกว่าใบกะเพราแห้ง
เพิ่มตัวเลือก: สามารถเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ลงในซอสได้ เช่น พริกไทยดำ หรือพริกไทยอ่อน

เคล็ดลับทำขาย:

ทำซอสล่วงหน้า: เพื่อความรวดเร็วในการผัดกะเพรา
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและปลอดภัย
ป้ายชื่อ: ติดป้ายชื่อและราคาให้ชัดเจน
โปรโมท: โปรโมทสินค้าของคุณผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย หรือปากต่อปาก
รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์

ข้อควรระวัง:

ความสะอาดของวัตถุดิบและอุปกรณ์
ความสดใหม่ของวัตถุดิบ
รสชาติที่ถูกปากลูกค้า

การเก็บรักษาซอสที่ถูกต้อง
หวังว่าสูตรและเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการทำซอสกะเพราขายสร้างอาชีพนะคะ

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
หมอประจำบ้าน: อีสุกอีใส (Chickenpox)

อีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ส่งผลให้ร่างกายเกิดผื่นคัน เกิดตุ่มนูน หรือตุ่มน้ำใสขนาดเล็กขึ้นบนผิวหนังทั่วร่างกาย อีสุกอีใสมักพบในบ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยเช่นเดียวกัน

อีสุกอีใสสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ง่ายและรวดเร็ว โดยอาจติดเชื้อผ่านทางการสัมผัสบาดแผลของผู้ติดเชื้อโดยตรง ทางน้ำลาย การไอ การจาม หรือการหายใจเอาเชื้อที่ปะปนในอากาศเข้าไป นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ เช่น การอยู่ในที่ที่มีผู้คนจำนวนมากอย่างโรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็ก

อาการของอีสุกอีใส

อาการของอีสุกอีใสอาจเริ่มต้นด้วยการมีไข้ต่ำ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย เฉื่อยชา เจ็บคอ และไม่อยากอาหารในช่วง 1–2 วันแรกของการติดเชื้อ หลังจากนั้นจะเกิดผื่นเป็นจุดสีแดงขึ้นตามใบหน้าและทั่วร่างกาย ซึ่งผื่นแดงเหล่านี้จะเริ่มกลายเป็นตุ่มพองขนาดเล็กที่มีน้ำใส ๆ อยู่ภายใน ในอีกประมาณ 2–4 วัน ก่อนที่จะเกิดการตกสะเก็ดในสัปดาห์ต่อมา

นอกจากนี้ ผู้ป่วยมักมีอาการคันบริเวณที่เกิดผื่นหรือตุ่มพองอยู่บ่อยครั้ง อาการของอีสุกอีใสที่พบในเด็กเล็กส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรง แต่อาการที่พบในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่อาจมีการพัฒนาโรคที่รุนแรงมากขึ้น และสำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้วก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน แต่จะพบได้น้อยมากและมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ดังนี้

    มีไข้สูงหรือติดต่อกันนานกว่า 4 วัน
    มีอาการไออย่างรุนแรง
    มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
    มีผื่นแดงเป็นจ้ำ หรือมีเลือดออก

สาเหตุของอีสุกอีใส

อีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ หรือวีซีวี (Varicella Zoster Virus: VZV) โดยเชื้อจะแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับแผลของผู้ป่วยโดยตรง ทางน้ำลาย การไอ การจาม หรือการหายใจเอาเชื้อที่ปะปนในอากาศเข้าไป และสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เพราะโรคจะมีระยะเวลาในการฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเริ่มแสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและเผลอแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

นอกจากนี้ การติดเชื้อในบางกรณีอาจเกิดจากการสัมผัสกับแผลของผู้ป่วยที่เป็นโรคงูสวัดได้เช่นกัน เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นชนิดเดียวกับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคงูสวัด แต่จะพบได้น้อยมาก

การวินิจฉัยอีสุกอีใส

แพทย์จะวินิจฉัยในเบื้องต้นด้วยการดูลักษณะของผื่น ตุ่มน้ำ หรือตุ่มพองที่เกิดขึ้นบนผิวหนังเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจร่างกายทั่วไปและสอบถามอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย เช่น มีไข้ ไม่อยากอาหาร หรือปวดศีรษะ

ในบางกรณี หากไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นโรคอีสุกอีใสหรือไม่ แพทย์อาจนำตัวอย่างของเชื้อจากตุ่มน้ำบนผิวหนังผู้ป่วยไปตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาต้นตอความผิดปกติว่าเกิดจากเชื้อวีซีวีที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใสหรือเกิดจากเชื้อชนิดอื่น

การรักษาอีสุกอีใส

ผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีอาการไม่รุนแรงสามารถดูแลตนเองได้ที่บ้าน แต่ในผู้มีอาการรุนแรงหรือมีเงื่อนไขสุขภาพอื่น ๆ เช่น เด็กเล็ก ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมา

ส่วนการรักษาจากแพทย์ จะเป็นรักษาแบบประคับประคองตามอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย เพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคเป็นหลัก เช่น

    ให้ยาลดไข้ในกลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่แอสไพริน (Non-aspirin Medications) เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อช่วยบรรเทาความไม่สบายตัวจากอาการไข้ที่เกิดขึ้น
    ให้ยาแก้แพ้ (Antihistamine) ชนิดยาทาภายนอกอย่างคาลาไมน์โลชั่น (Calamine Lotion) เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันจากผื่นหรือตุ่มนูนที่เกิดขึ้น และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
    ให้ยาต้านไวรัส เช่น ยาอะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) ยาวาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) ในผู้ที่มีอาการรุนแรงเพื่อช่วยฆ่าเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของอีสุกอีใส

ผู้ป่วยโรคอีสุกอีใสที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส อาจเกิดอาการที่รุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนของโรคอีสุกอีใสที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น

    การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อ
    การติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ป-เอ (Group A Streptococcal Infections)
    โรคปอดบวม
    โรคสมองอักเสบ
    ภาวะกล้ามเนื้อเสียสหการ (Cerebellar Ataxia) เป็นการประสานงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติโดยมีสาเหตุมาจากการทำงานของสมองส่วนซีรีเบลลัม ทำให้เกิดอาการเดินเซ

การป้องกันอีสุกอีใส

การป้องกันที่ปลอดภัยและค่อนข้างมีประสิทธิภาพคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม โดยเริ่มฉีดเข็มแรกได้ตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 1 ปี และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุประมาณ 4–6 ปี

สำหรับผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสมาก่อนจะต้องฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็มเช่นกัน โดยควรฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 ห่างกันประมาณ 28 วัน ซึ่งวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและลดความรุนแรงของอาการลงได้มากถึงประมาณ 90% แต่การฉีดวัคซีนในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)

ลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นภาวะหนึ่งของเส้นประสาทซึ่งทำหน้าที่รับส่งคำสั่งจากสมองและไขสันหลังไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเกิดความเสียหายหรือเกิดโรคบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการ เช่น อ่อนแรง ปวดและชาตามมือและเท้า หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยอาการปวดและชาที่เกิดขึ้นจากโรคบางชนิดบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยา

อาการปลายประสาทอักเสบ
ปลายประสาทมี 3 ประเภท ซึ่งปลายประสาทอักเสบอาจเกิดขึ้นได้กับทุกประเภท อันได้แก่

    ประสาทรับความรู้สึก ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับผิวหนัง
    เส้นประสาทสั่งการหรือนำคำสั่ง ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ
    ระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งเป็นประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน

อาการปลายประสาทอักเสบ มีอาการที่พบบ่อย ได้แก่

    มีอาการเหน็บและชาตามมือและเท้า
    มีอาการแสบ หรือเจ็บแปลบบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
    กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่เท้า
    เสียการทรงตัวและการประสานงานของอวัยวะในร่างกาย

อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น

    ความดันโลหิตลดลงต่ำ
    การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
    ท้องผูก
    อาหารย่อยยาก
    ท้องเสีย
    เหงื่อออกมากกว่าปกติ

อาการทั้งหลายข้างต้นมักเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่อาจเป็นแล้วหายไปได้เอง หรือเป็น ๆ หาย ๆ

เมื่อใดที่ควรพบแพทย์ ?

หากพบว่ามือหรือเท้ามีอาการชา อ่อนแรงหรือมีอาการเจ็บผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้ควบคุมอาการและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเส้นประสาทส่วนปลายได้

สาเหตุของปลายประสาทอักเสบ
สาเหตุของปลายประสาทอักเสบนั้นเกิดขึ้นได้จากโรคหรือภาวะหลายประการ ได้แก่

    โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดปลายประสาทอักเสบ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นปลายประสาทอักเสบ
    เกิดบาดแผลหรือการกดทับที่เส้นประสาท บาดแผลที่อาจทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย เช่น อุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะ หกล้ม หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา และการกดทับที่อาจทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย เช่น ใส่เฝือก ใช้ไม้ค้ำ หรือการทำท่าทางซ้ำ ๆ เช่น พิมพ์งานมาก ๆ
    โรคทางภูมิคุ้มกัน ได้แก่ โรคโจเกรน (Sjogren's Syndrome) ลูปัส (Lupus) โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) กลุ่มโรคโรคกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre Syndrome) โรคเส้นประสาทอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammatory Demyelinating Polyneuropathy: CIPD) และการอักเสบของผนังหลอดเลือด (Necrotizing Vasculitis)
    ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรค Charcot-Marie-Tooth ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาททางพันธุกรรม
    การติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด รวมไปถึงโรคไลม์ (Lyme Disease) โรคงูสวัด การติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus) ไวรัสตับอักเสบ ซี โรคเรื้อน โรคคอตีบ หรือเอชไอวี ทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้ทั้งสิ้น
    สัมผัสกับสารพิษ การสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นพิษหรือโลหะหนักอาจทำให้ปลายประสาทอักเสบได้
    การใช้ยารักษาโรคบางชนิด โดยเฉพาะผู้ที่รักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) มีโอกาสเกิดปลายประสาทอักเสบได้
    การติดสุรา การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีหรือขาดโภชนาการที่ดีของผู้ที่ติดสุรา อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ปลายประสาทอักเสบได้
    เนื้องอก เนื้องอกและมะเร็งอาจเกิดขึ้นที่เส้นประสาทหรือกดทบเส้นประสาทได้ นอกจากนี้ มะเร็งบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองภูมิคุ้มกันร่างกายสามารถทำให้เกิดโรคเส้นประสาทหลายเส้น (Polyneuropathy) ซึ่งหมายถึงโรคของระบบประสาทที่เกิดจากมะเร็ง (Paraneoplastic Syndrome)
    การขาดวิตามิน ได้แก่ วิตามิน บี 1 วิตามิน บี  6 วิตามิน บี 12 วิตามิน อี และไนอาซิน เป็นส่วนสำคัญที่อาจทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบหรือสุขภาพของระบบประสาทผิดปกติได้
    ความผิดปกติของไขกระดูก ซึ่งรวมไปถึงโรคเส้นประสาทที่เกิดจากการสะสมของโปรตีนที่ผิดปกติ โรคมะเร็งกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคอะไมลอยด์โดซิส (Amyloidosis)
    โรคอื่น ๆ ได้แก่ โรคไต โรคตับ ความผิดปกติของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน

นอกจากนั้น ยังมีผู้ป่วยปลายประสาทอักเสบจำนวนมากที่ไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้

การวินิจฉัยปลายประสาทอักเสบ
การวินิจฉัยปลายประสาทอักเสบ แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามประวัติอาการที่เกิดขึ้น และตรวจร่างกายในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจมีการตรวจประสาทสัมผัส ความแข็งแรงและระบบประสาทอัตโนมัติรีเฟล็กซ์ของร่างกาย นอกจากนั้น แพทย์อาจให้ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุ เช่น โรคเบาหวาน หรือการขาดวิตามิน บี  12

ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องพบนักประสาทวิทยาเพื่อตรวจเพิ่มเติม เช่น

    ตรวจการทำงานของเส้นประสาท (Nerve Conduction Test: NCS) ตรวจโดยการกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า นำขั้วไฟฟ้า (Electrode) ติดไว้ที่ผิวหนัง ซึ่งจะทำให้วัดค่าสัญญาณความเร็วและความแข็งแรงของเส้นประสาทได้
    การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (Electromyography: EMG) เป็นการตรวจกล้ามเนื้อด้วยคลื่นไฟฟ้าโดยการสอดเข็มเข้าไปทางผิวหนังและวัดค่าคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ ซึ่งโดยปกติจะทำควบคู่ไปกับการตรวจการทำงานของเส้นประสาท (Nerve Conduction Test: NCS)

การตรวจอื่น ๆ ได้แก่

    การตรวจอย่างละเอียด เช่น เอกซ์เรย์ (X-Ray) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกน (Computerized Tomography: CT-Scan) และเอกซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging: MRI) จะช่วยให้ทราบสาเหตุได้ง่ายขึ้น
    การตัดเนื้อเยื่อของเส้นประสาทบางส่วนไปตรวจเพื่อหาความผิดปกติ ซึ่งมักจะเป็นเส้นประสาทรับความรู้สึก
    การตัดเนื้อเยื่อของผิวหนังบริเวณที่มีความผิดปกติบางส่วนไปตรวจ
    การตรวจการทำงานของระบบประสาทอื่น ๆ การตรวจการทำงานของใยประสาท (Nerve Fiber) การตรวจการขับเหงื่อ (Sweat Test)


การรักษาปลายประสาทอักเสบ

การรักษาปลายประสาทอักเสบ มีเป้าหมายเพื่อรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุและบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น

การใช้ยารักษา

    ยาบรรเทาอาการปวด ยาที่ซื้อใช้เอง เช่น ยาลดการอักเสบ (NSAIDs) ใช้บรรเทาอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากมีอาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวด นอกจากนั้น ยารักษาโรคที่มีส่วนประกอบของโอปิออยด์ (Opioid) เช่น ยาทรามาดอล (Tramadol) ยาออกซิโคโดน (Oxycodone) อาจทำให้ผู้ป่วยติดใช้ยาได้ โดยยาประเภทนี้จะสั่งโดยแพทย์เท่านั้นและจะใช้เมื่อการรักษาชนิดอื่นไม่ได้ผล
    ยาต้านชัก เช่น ยากาบาเพนติน (Gabapentin) และยาพรีกาบาลิน (Pregabalin) ถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรคลมชักหรือโรคลมบ้าหมู โดยอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม เป็นต้น
    ยาใช้เฉพาะที่ เช่น ยาครีมแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งจะช่วยลดอาการที่เกิดจากประสาทส่วนปลายอักเสบ ซึ่งการใช้ยาครีมอาจทำให้ผิวหนังแสบและเกิดการระคายเคือง แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หรือยาลิโดเคน (Lidocaine) แบบแผ่นแปะ เป็นอีกทางเลือกในการรักษาที่ช่วยลดอาการปวดโดยแปะแผ่นแปะลงบนผิวหนังบริเวณที่มีอาการ แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม เวียนศีรษะ ชา เป็นต้น
    ยาแก้ซึมเศร้า ยากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic) เช่น ยาอะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) ยาด็อกเซปิน (Doxepin) ยานอร์ทริปไทลีน (Nortriptyline) นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานของสารเคมีในสมองและไขสันหลังที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด นอกจากนั้น ยังมียาที่นำมาใช้รักษาอาการเจ็บปวดของปลายประสาทอักเสบที่มีสาเหตุมากจากโรคเบาหวาน เช่น ยาเอสเอ็นอาร์ไอ (Serotonin and Norepinephrine Reuptake Inhibitor: SNRI) และยาเวนลาฟาซีน (Venlafaxine) แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง คลื่นไส้ ง่วงซึม เวียนศีรษะ เบื่ออาหารและท้องผูก


การบำบัด

การบำบัดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปลายประสาทอักเสบอาจทำได้โดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

    การใช้ไฟฟ้ากระตุ้นเส้นประสาทผ่านทางผิวหนังเพื่อลดความเจ็บปวด (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation: TENS) นำขั้วไฟฟ้าติดไว้บนผิวหนัง และส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ความถี่หลายรูปแบบ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้วิธีนี้เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
    การเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง (Plasma Exchange) และการบำบัดรักษาด้วยอิมมูโนโกลบูลิน (Intravenous Immune Globulin) เป็นขั้นตอนที่จะช่วยยับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะมีประโยชน์กับผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะการอักเสบบางชนิด การเปลี่ยนถ่ายน้ำเหลือง จะเป็นการนำเลือดออก นำแอนติบอดี้และโปรตีนออกจากเลือด และนำเลือดที่ถูกกรองแล้วกลับเข้าไปในร่างกาย ส่วนการบำบัดรักษาด้วยอิมมูโนโกลบูลิน ผู้ป่วยจะได้รับโปรตีนในระดับสูงที่ทำหน้าที่เหมือนกับแอนติบอดี้
    กายภาพบำบัด สำหรับผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนแอ การกายภาพบำบัดจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ นอกจากนั้น ผู้ป่วยอาจต้องใช้เครื่องช่วยพยุง ไม้เท้า นั่งรถเข็นคนพิการ หรือเครื่องช่วยเดิน
    การผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากการกดทับที่เส้นประสาท เช่น การกดทับจากเนื้องอก อาจมีความจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อลดแรงกดทับ

ภาวะแทรกซ้อนของปลายประสาทอักเสบ
ภาวะแทรกซ้อนของปลายประสาทอักเสบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่

    เกิดบาดแผลที่ผิวหนังและแผลไหม้ โดยผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงหรืออาการเจ็บบริเวณที่เกิดบาดแผลดังกล่าวเนื่องจากอาการชา
    เกิดการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเท้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่ไร้ความรู้สึกจากปลายประสาทอักเสบอาจเกิดการบาดเจ็บโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวได้ ดังนั้น ผู้ป่วยควรตรวจสอบบริเวณดังกล่าวอยู่เสมอและรักษาแผลหรือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นก่อนจะนำไปสู่การติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
    หกล้ม เพราะเมื่อร่างกายอ่อนแอและไร้ความรู้สึกของอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้ผู้ป่วยหกล้มได้ง่าย


การป้องกันปลายประสาทอักเสบ

การป้องกันปลายประสาทอักเสบ มีวิธีดังนี้

    รักษาและควบคุมโรคที่สาเหตุ วิธีป้องกันปลายประสาทอักเสบที่มีประสิทธิภาพ เป็นการรักษาและควบคุมโรคที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นปลายประสาทอักเสบ เช่น โรคเบาหวาน ติดสุรา หรือโรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
    เลือกใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี เช่น
        รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชและโปรตีนที่มีไขมันต่ำให้มาก เพราะจะช่วยรักษาสุขภาพของเส้นประสาท รวมไปถึงป้องกันการขาดวิตามิน บี 12 โดยรับประทานเนื้อวัว เนื้อปลา ไข่ อาหารไขมันต่ำและธัญพืชเสริม นอกจากนั้น หากเป็นผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ รับประทานธัญพืชเสริม เพราะเป็นแหล่งของวิตามิน บี 12 แต่ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหารเสริมวิตามิน บี 12 ก่อน
        ออกกำลังกายเป็นประจำ หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าผู้ป่วยออกกำลังกายได้ ก็ควรออกครั้งละอย่างน้อย 30 นาที-1 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
        หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาท ได้แก่ กิจกรรมที่ทําซ้ำ ๆ อยู่ในท่าทางจำกัด สัมผัสกับสารเคมีที่เป็นพิษ สูบบุหรี่และดื่มสุรามากเกินไป

6
ไอเทมของแต่งตกบ้านที่ทำให้บ้านคุณน่าค้นหามากขึ้น

การเลือก ไอเทมของตกแต่งบ้าน ที่จะทำให้บ้านของคุณ น่าค้นหามากขึ้น ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่เป็นการสร้างเรื่องราว ความลึกลับ และความน่าสนใจที่ชวนให้แขกอยากใช้เวลาสำรวจและค้นพบมุมต่างๆ ค่ะ การตกแต่งสไตล์นี้จะเล่นกับความรู้สึก บรรยากาศ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีเสน่ห์ ลองดูไอเดียเหล่านี้เพื่อเพิ่มมิติให้บ้านของคุณน่าค้นหามากยิ่งขึ้นนะคะ

1. แสงไฟสร้างบรรยากาศ (Ambient & Accent Lighting)

แสงคือหัวใจสำคัญในการสร้างอารมณ์และความน่าค้นหา

โคมไฟดีไซน์แปลกตา: เลือกโคมไฟตั้งพื้น ตั้งโต๊ะ หรือโคมไฟแขวนที่มีรูปทรง วัสดุ หรือการให้แสงที่ไม่เหมือนใคร เช่น โคมไฟที่ให้แสงสลัวๆ ผ่านลวดลายฉลุ, โคมไฟวินเทจ, หรือโคมไฟที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ

ไฟซ่อน/ไฟ LED Strip: ติดซ่อนตามชั้นวางของ ใต้ขอบตู้ หรือบริเวณมุมผนัง เพื่อสร้างแสงสว่างแบบนุ่มนวลและเน้นองค์ประกอบบางอย่าง ทำให้เกิดมิติและเงาที่น่าสนใจ

เทียนหอม/เชิงเทียนดีไซน์พิเศษ: จุดเทียนหอมในมุมต่างๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่น กลิ่นหอม และแสงริบหรี่ที่สร้างบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา


2. ของสะสมและของวินเทจ (Collectibles & Vintage Finds)

ของที่มีเรื่องราวในตัวเองจะเพิ่มเสน่ห์และความน่าค้นหาได้เป็นอย่างดี

ของเก่า/แอนทีค: เช่น โทรศัพท์เก่า, กล้องถ่ายรูปฟิล์ม, เครื่องพิมพ์ดีด, หรือนาฬิกาโบราณ แต่ละชิ้นมีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่ชวนให้มอง

งานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร: ภาพวาดนามธรรม, รูปปั้น, หรือประติมากรรมที่มีความหมายซ่อนอยู่ หรือเป็นงานฝีมือที่ไม่ใช่ mass production

ของสะสมส่วนตัว: จัดแสดงคอลเลกชันที่คุณหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นโมเดล หนังสือแผ่นเสียง หรือแสตมป์ การได้เห็นของสะสมเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าของบ้าน

แผนที่โลก/ลูกโลกวินเทจ: สร้างความรู้สึกถึงการเดินทาง การสำรวจโลกกว้าง และความรู้


3. สิ่งทอและลวดลายที่น่าดึงดูด (Intriguing Textiles & Patterns)

ผ้าและลวดลายสามารถเพิ่มความน่าสนใจและมิติให้กับห้องได้

พรมลวดลายชนเผ่า/เปอร์เซีย: พรมที่มีลวดลายซับซ้อน สีสันอบอุ่น หรือมีประวัติศาสตร์ จะเป็นจุดเด่นที่น่าค้นหา

หมอนอิง/ผ้าคลุมที่มีเท็กซ์เจอร์และลวดลายพิเศษ: เลือกผ้าที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เช่น ผ้าถัก ผ้ากำมะหยี่ หรือผ้าที่มีลายปัก/พิมพ์ที่ละเอียดอ่อน ไม่ใช่แค่ลายทั่วไป

ผ้าม่านโปร่งแสง/มีลวดลาย: เล่นกับแสงที่ส่องผ่านผ้าม่านที่อาจมีลวดลายบางๆ ทำให้เกิดเงาที่น่าสนใจบนพื้นหรือผนัง


4. เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว (Unique Furniture Pieces)

เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นสามารถเป็นตัวจุดประกายความน่าค้นหาได้

เก้าอี้ดีไซน์แปลกตา: เก้าอี้วินเทจ เก้าอี้หวายที่มีรูปทรงเฉพาะ หรือเก้าอี้ที่มีงานฝีมือประณีต

ตู้โชว์/ชั้นวางของแบบเปิด: จัดวางหนังสือ ของสะสม และของตกแต่งอื่นๆ อย่างมีศิลปะ ชวนให้คนอยากหยุดดู

โต๊ะกาแฟที่มีลูกเล่น: อาจเป็นโต๊ะที่มีลิ้นชักลับ หรือเป็นโต๊ะที่ทำจากวัสดุแปลกใหม่


5. รายละเอียดเล็กๆ ที่ชวนมอง (Intimate Details)

บางครั้งความน่าค้นหาก็มาจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่

หนังสือและชั้นหนังสือ: จัดวางหนังสือหลากหลายประเภท ทั้งหนังสือเก่า หนังสือศิลปะ หรือหนังสือน่าอ่านอื่นๆ บนชั้นวางอย่างมีศิลปะ

กล่องเก็บของดีไซน์สวย: แทนที่จะซ่อนของไว้ ลองใช้กล่องเก็บของที่สวยงามวางโชว์ เพิ่มความลึกลับว่าข้างในมีอะไร

กลิ่นหอมที่ไม่ธรรมดา: นอกจากกลิ่นหอมสดชื่นทั่วไป ลองเลือกกลิ่นหอมที่ซับซ้อน ลึกลับ อย่างกลิ่นไม้ กลิ่นเครื่องเทศ หรือกลิ่นที่ผสมผสานหลายกลิ่นเข้าด้วยกัน เช่น น้ำหอมบ้าน (Home Fragrance) หรือ Diffuser

พืชพรรณที่แปลกตา: นอกเหนือจากต้นไม้ทั่วไป ลองหาพืชที่มีรูปร่างหรือสีสันแปลกๆ เช่น พืชอวบน้ำที่มีรูปทรงน่ารัก หรือเฟิร์นที่แผ่ใบน่าสนใจ


เคล็ดลับสำคัญ:

สร้างจุดเด่น (Focal Point): เลือกของตกแต่งเพียง 1-2 ชิ้นที่โดดเด่นในแต่ละมุม เพื่อดึงดูดสายตาและสร้างความน่าสนใจ

เล่นกับแสงและเงา: ใช้แสงไฟเพื่อสร้างมิติและเงา ทำให้ห้องดูมีชั้นเชิงมากขึ้น

เรื่องราวส่วนตัว: เลือกของที่มีเรื่องราวสำหรับคุณ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้บ้านมีชีวิตชีวาและน่าค้นหาอย่างแท้จริง

หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะช่วยให้บ้านของคุณกลายเป็นพื้นที่ที่น่าค้นหาและเต็มไปด้วยเสน่ห์นะคะ!

7
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


8
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


9
เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF Line ช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อ

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง สำหรับเด็ก ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกรูปแบบ เนื่องจากในวัยเด็กนั้น มักพบเจอกับปัญหาฟันผุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าการดูแลฟันของเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอาจจะไม่จำเป็น เพราะคิดว่ายังไงฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว ซึ่งความคิดนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะฟันน้ำนมส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ ถ้าหากเรามีฟันที่ผุหรือไม่รักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย อาจจะส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้นั่นเอง

ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะพบได้ก็คือการเกิดฟันซ้อนเก ฟันห่าง ทำให้มีปัญหาในการรับประทานอาหาร บดเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดและส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจและอาจจะโดนเพื่อนล้อได้ ดังนั้น จึงนิยมใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและได้ผลแม่นยำมาก พ่อผู้ปกครอง อาจจะคิดว่าการจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่มีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุตั้งแต่ 4-15 ปี ซึ่งจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า EF Line ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติได้ ทั้งยัง ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูก โดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก  นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อ ได้อีกด้วย

และในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ในแง่ของการปรับสมดุลของกล้ามเนื้อของเด็ก ให้เข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น  เพราะเด็กบางคนที่มีพฤติกรรมความเคยชินบางอย่าง เช่น การดูดนิ้ว การแกะเล็บ การกัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้จะมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติด้วย ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหรือตัวเด็กเอง ก็ควรตระหนักและให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษา กล้ามเนื้อเป็นสิ่งกำหนดรูปร่างของอวัยวะต่างๆ เช่นใบหน้า โดยแท้จริงแล้วกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีอิทธิพลเหนือกระดูกมาก ซึ่งพบว่าตำแหน่งและการทำงานของลิ้น กิจกรรมของกล้ามเนื้อรอบปาก และการหายใจผ่านทางจมูกล้วนมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขการสบฟันผิดปกติรวมไปถึงการคงสภาพผลของการจัดฟันในระยะยาว

ซึ่งเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ก็มีส่วนที่ช่วยปรับสมดุลให้กับกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กจัดฟันง่ายขึ้นและเสร็จเร็วมากขึ้น ทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาการคืนกลับตำแหน่งเดิมของฟันหลังจัดฟันด้วย สำหรับคำถามที่ว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือการจัดฟัน EF Line แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปหรือเด็กโตขึ้น ฟันจะคืนกลับสภาพเดิมหรือไม่  ในข้อนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า ถ้าหากเราเปรียบเทียบผลการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น หลังการใส่ EF Line กับแบบที่ไม่ใส่ EF Line แค่จัดฟันอย่างเดียว แบบที่มีการใส่EF Line ร่วมด้วยจะสวยกว่าและแก้ปัญหากระดูกได้ดีกว่า รวมถึงคงสภาพไปตลอดชีวิตจะดีกว่า และไม่ทำให้ฟันไม่เคลื่อนด้วย


ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line จึงได้ผลมากกว่าการจัดฟันตอนโต แถมยังมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากเบื้องต้นกับทันตแพทย์จากทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์จัดฟันที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

10
วัสดุที่เหมาะสมสำหรับท่อลมร้อนในโรงงาน

การเลือกใช้วัสดุสำหรับท่อลมร้อนในโรงงานนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะวัสดุแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้ท่อลมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกวัสดุ

อุณหภูมิ: อุณหภูมิของอากาศที่ไหลผ่านท่อ
ความชื้น: ระดับความชื้นในอากาศ
สารเคมี: สารเคมีที่ปะปนอยู่ในอากาศ
แรงดัน: แรงดันของอากาศภายในท่อ
การกัดกร่อน: สภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน
ความแข็งแรง: ความสามารถในการรับน้ำหนักและแรงกระแทก
วัสดุที่นิยมใช้สำหรับท่อลมร้อน

เหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel)
ข้อดี: แข็งแรง ทนทาน ราคาไม่แพง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
ข้อเสีย: น้ำหนักมาก อาจเกิดสนิมได้หากชุบสังกะสีไม่ดีพอ

Galvanized Steel Duct
สแตนเลส (Stainless Steel)
ข้อดี: ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง ทนความร้อนได้ดี ไม่เป็นสนิม เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
ข้อเสีย: ราคาสูง

อลูมิเนียม (Aluminum)
ข้อดี: น้ำหนักเบา ทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าเหล็กชุบสังกะสี

PVC (Polyvinyl Chloride)
ข้อดี: น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาถูก ทนต่อสารเคมี
ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง อาจเสียรูปได้ง่ายเมื่อโดนความร้อนสูง

FRP (Fiber Reinforced Plastic)
ข้อดี: ทนต่อสารเคมี ทนต่อการกัดกร่อน น้ำหนักเบา
ข้อเสีย: ราคาสูง

การเลือกวัสดุที่เหมาะสม

โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป: เหล็กชุบสังกะสี หรือสแตนเลส
โรงงานอาหาร: สแตนเลส หรือ PVC ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร
โรงงานเคมี: สแตนเลส หรือ FRP
โรงงานที่มีอุณหภูมิสูง: สแตนเลส หรือ FRP

ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา

ขนาดของท่อ: เลือกขนาดให้เหมาะสมกับปริมาณอากาศที่ต้องการดูด
ความยาวของท่อ: ท่อที่ยาวมากอาจทำให้เกิดการสูญเสียแรงดัน
จำนวนโค้ง: จำนวนโค้งของท่อจะส่งผลต่อการไหลของอากาศ
สภาพแวดล้อมในการติดตั้ง: สภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือมีการสั่นสะเทือน อาจต้องเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานเป็นพิเศษ

ข้อควรจำ

การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้ท่อลมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้งระบบดูดอากาศ เพื่อให้ได้ระบบที่เหมาะสมกับความต้องการของโรงงานของคุณ

หน้า: [1] 2 3 ... 148
โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google