แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 108
671
เผลอแว้บเดียวก็ย่างเข้าสู่เดือนเมษายนของปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าชาว Gen-C หลายๆคนต้องเตรียมฉลองในวันหยุดยาวที่จะมาถึงกันอย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในงานปาร์ตี้เลยนั่นก็คือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หากกินเข้าไปมากๆสายแข็งก็อาจกลายร่างเป็นสายอ่อนได้เช่นกัน วันนี้เรามีทริคในการรีเฟรชตัวเองให้หายจากอาการเมาค้างเพราะปาร์ตี้หนักในช่วงสงกรานต์มาฝากกัน รับรองถ้าทำตามนี้จะไม่เป็นภาระของคนรอบข้างอย่างแน่นอนครับ


1.ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ
อาการแฮงค์ เมาค้าง ส่วนมากมักเกิดจากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ(ไม่ใช้น้ำเมานะ) เนื่องจากร่างกายต้องใช้น้ำในกระบวนการขับแอลกอฮอล์ การดื่มน้ำเปล่าเยอะๆก็จะช่วยคืนความสมดุลเข้าสู่ร่างกายและหายแฮงค์ได้ไวอีกด้วยนะ


2.โค้กแก้แฮงค์
ใครจะเชื่อว่าเจ้าพวกน้ำอัดลมเนี่ยแหละจะแก้แฮงค์ได้เจ๋งเป้งเลยทีเดียว โดยชาวอังกฤษจะนิยมดื่มโค้กเพื่อแก้แฮงค์กันสุดๆ เพราะโค้กหรือน้ำอัดลมกลิ่นโคล่านั้นจะช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์และเอทานอลที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวได้ชะงักแล


3.กาแฟ
คอกาแฟน่าจะชื่นชอบข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะกาแฟเพียวๆอย่างเอสเพรสโซ่เข้มๆนี่แหละที่สามารถแก้แฮงค์ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งสารคาเฟอีนในกาแฟยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นและหายจากอาการคลื่นไส้ได้ดีทีเดียว


4.ไข่ต้ม
หนุ่มๆสายเล่นกล้ามคงจะถูกใจข้อนี้เป็นไม่น้อย แต่เอาจริงๆแล้วถ้าเราเล่นเกล้ามอยู่ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์นั่นแหละ แต่ถ้าเลี้ยงไม่ได้(ประเภทที่เจ้านายเดินมาชนแก้วด้วยใครจะกล้าปฏิเสธ) ก็ให้ตื่นเช้ามากินไข่ต้มสักฟองสองฟอง โปรตีนในไข่นั้นจะช่วยดักจับสารพิษในร่างกายทำให้สดชื่นและฟื้นตัวได้ไวขึ้นอย่างแน่นอน


5.โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป
ไม่แปลกใจเลยทำไมร้านโจ๊กหรือพวกข้าวมันไก่มักเปิดใกล้ๆร้านเหล้า ก็เพราะอาหารเหล่านี้นั้นจะช่วยชดเชยน้ำที่ร่างกายได้สูญเสียไปจากแอลกอฮอล์ อีกทั้งยังช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้อีกด้วยนะ


6.ช็อกโกแลต
หนึ่งในขนมที่ทุกคนต้องมีติดตู้เย็น สำหรับช็อกโกแลตนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการแฮงค์จากการดื่มหนักได้เช่นกัน โดยความหวานจากช็อกโกแลตจะไปช่วยกระตุ้นสารเคมีในร่างกายให้รู้สึกสดชื่น ฟื้นตัวจากอาการแฮงค์ ย้วย ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


7.ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
เคยได้ยินสุภาษิตโบราณ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” ไหมครับ ใช่แล้วผลไม้รสเปรี้ยวเราที่เรามักเอามากินแกล้มหรือผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น แท้จริงแล้วมันสามารถช่วยลดอาการแฮงค์ได้เช่นกัน รู้แบบนี้แล้วแบ่งมะนาวเก็บไว้บางส่วนบ้างก็ดีนะ



แค่ทำ 7 ข้อนี้ก็หายเมาค้าง แก้แฮ้งก์ จากปาร์ตี้สงกรานต์ได้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

672
อสังหา / 9 เคล็ดวิธีแก้ง่วงตอนทำงาน
« เมื่อ: 30มีนาคม2024, 22:07:07pm »
หลังจากมื้อกลางวันทีไร อาหารที่กินเข้าไปก็เริ่มย่อย พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน อาการง่วงนอนก็เข้าครอบงำร่างกาย จนเปลือกตาเผลอจะปิดลงมาตลอดเวลา และถึงแม้คุณจะง่วงแค่ไหน แต่คุณก็ต้องตื่นเพราะยังมีงานอีกมากมายรอให้จัดการให้เรียบร้อย แต่จะฝืนทำไปทั้งๆ ที่ยังง่วง ก็อาจจะทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ และอาจทำให้เกิดโอกาสในการทำงานผิดพลาดอีกด้วย ดังนั้นลองใช้วิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่ได้รวบรวมมาในบทความนี้ ให้ร่างกายของคุณสดชื่นและตื่นตัว พร้อมทำงานต่ออย่างเต็มกำลัง

วิธีแก้ง่วงตอนทำงาน คืนความสดชื่นให้กับตัวคุณ

ความง่วงถือว่าเป็นตัวการหลักที่ทำลายสมาธิ และเมื่อรู้สึกง่วงก็จะทำให้ไม่มีสมาธิทำงาน ถึงแม้การนอนหลับจะเป็นวิธีการจัดการกับความง่วงได้ดีที่สุด แต่ในเวลาทำงานก็คงจะนอนพักผ่อนไม่ได้ แต่เทคนิคและวิธีแก้ง่วงตอนทำงานในบทความนี้จะช่วยขจัดความง่วง ทำให้คุณรู้สึกสดชื่น และร่างกายตื่นตัวพร้อมทำงานในยามบ่าย โดยวิธีแก้ง่วงตอนทำงาน มีดังนี้


• เลี่ยงการทานคาร์โบไฮเดรต

เชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกง่วง เหนื่อยล้า และไม่มีสมาธิในการทำงานหลังจากรับประทานมื้อกลางวันจนอิ่มอย่างแน่นอน โดยอาการนี้เรียกว่า Food Coma ทำให้คุณมีอาการอ่อนเพลีย และรู้สึกง่วงนอน ซึ่งอาการนี้เกิดจากการรับประทานทานอาหารเข้าไปจำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารที่มีปริมาณโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง และเมื่ออาหารเหล่านี้เกิดกระบวนการย่อยก็จะทำให้เกิดกรดอะมิโนที่เรียกว่า ทริปโตเฟน (Tryptophan) โดยสมองจะเปลี่ยนกรดอะมิโนทริปโตเฟนเป็น สารเซโรโทนิน (Serotonin) หรือสารสื่อประสาทที่จะทำให้รู้สึกง่วงและนอนหลับสบาย ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่สูงในมื้อกลางวัน สามารถส่งผลให้เกิดอาการง่วงได้ ซึ่งวิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่เกิดจากสาเหตุนี้จะต้องปรับพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร โดยการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในมื้อกลางวันให้น้อยลง ก็จะช่วยลดอาการง่วงหลังรับประทานอาหารให้ดีขึ้นได้


• เลี่ยงการทานของหวาน

การรับประทานของหวานหรืออาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวได้ แต่ช่วยได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ หรือประมาณ 30 นาทีเท่านั้น เพราะน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ย่อยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายสามารถดึงพลังงานมาใช้ได้ในทันที แต่หลังจากนั้นน้ำตาลจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการง่วง ดังนั้น การรับประทานของหวานมากเกินไปในมื้อกลางวันก็จะทำให้เราง่วงในเวลางานได้ ซึ่งวิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่เกิดจากสาเหตุนี้จะต้องเลี่ยงของหวานหรือรับประทานแต่พอดี นอกจากจะช่วยลดอาการง่วงในเวลางานแล้ว ยังถือว่าเป็นการรักษาสุขภาพอีกด้วย


• ดื่มกาแฟ / ชา

การดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถช่วยลดอาการง่วง ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เพิ่มการตื่นตัว ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยให้มีสมาธิเพิ่มขึ้น นอกจากเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชาและกาแฟแล้ว คาเฟอีนยังพบได้ในอาหารอื่นๆ อีกด้วย อย่างเช่น ช็อกโกแลต ถึงแม้ว่าคาเฟอีนจะช่วยแก้ง่วงได้ แต่ก็ควรทานคาเฟอีนอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากรับประทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้


• Coffee Nap เทคนิคแก้ง่วงด้วยกาแฟอย่างมีประสิทธิภาพ

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าดื่มกาแฟแล้วไปนอน เป็นวิธีที่สามารถช่วยแก้ง่วงได้จริงหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วการดื่มกาแฟนั้นจะช่วยคลายความง่วงและสามารถทำงานต่อได้อีกยาวๆ แต่สำหรับการดื่มกาแฟแล้วนอนพักในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 10-20 นาที หรือที่เรียกว่า Coffee Nap เป็นวิธีแก้ง่วงตอนทำงาน ที่นำการดื่มกาแฟและการงีบหลับมารวมกัน ด้วยการดื่มกาแฟดำที่ไม่เติมน้ำตาล เมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีนเข้าไปต้องรอประมาณ 20-30 นาทีกว่าที่คาเฟอีนจะออกฤทธิ์ โดยคาเฟอีนจะทำการปิดกั้นการทำงานของสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้รู้สึกง่วง การนอนหลับก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดการทำงานของสารอะดีโนซีนได้ ดังนั้น การนอนหลับ 10-20 นาทีหลังดื่มกาแฟก่อนที่คาเฟอีนจะออกฤทธิ์ จะช่วยให้คาเฟอีนที่ดื่มเข้าไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้หลังจากตื่นขึ้นมาก็จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเคย


• จิบเครื่องดื่มเย็นๆ สดชื่น

เครื่องดื่มเย็นๆ สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ จึงทำให้การดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ในช่วงเวลาบ่ายถือว่าเป็นตัวที่ช่วยขจัดความง่วงได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ คนรู้สึกหายง่วงนอนหลังจากดื่มน้ำ เพราะปัญหานี้เกิดจากร่างกายเหนื่อยล้าจากภาวะขาดน้ำ ทำให้ร่างกายนำน้ำในส่วนอื่นๆ ของร่างกายมาใช้ก่อน อย่างเช่น เลือด ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย จนเกิดอาการเหนื่อยล้า และง่วงนอน ดังนั้น การจิบน้ำบ่อยๆ หรือดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้วต่อวันเป็นวิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่ได้ผล แถมยังช่วยลดอาการง่วงระหว่างวันได้ดีอีกด้วย


• ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเปลี่ยนอิริยาบถ

การอยู่ในท่าทางเดิมๆ ทำให้ร่างกายเกิดอาการเมื่อยล้า ยิ่งต้องมีสมาธิจดจ่อทำงานอยู่เป็นเวลานานยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและมีโอกาสที่จะผิดพลาดในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย การได้ลุกไปยืดเส้นยืดสายในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินไปเข้าห้องน้ำ เดินรอบๆ ห้อง หรือออกไปสูดอากาศนอกออฟฟิศ สามารถลดความเหนื่อยล้า และคลายง่วงได้ เพราะว่า เมื่อร่างกายได้ขยับ หรือได้ออกไปสูดอากาศ ก็จะส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นได้ และเมื่อกลับมานั่งทำงานก็ช่วยให้รู้สึกดีและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น


• ล้างหน้า หรือใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า

ถึงแม้หลายๆ คนจะตื่นนอนตอนเช้ามาด้วยความงัวเงียขนาดไหน แต่เมื่อได้อาบน้ำก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้ แต่ถ้าหากง่วงตอนกลางวันขณะอยู่ที่ทำงาน ก็สามารถใช้วิธีแก้ง่วงตอนทำงานอย่างการล้างหน้าหรือใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้า ที่สามารถช่วยให้หายง่วงได้ง่ายๆ แถมยังช่วยเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันได้อีกด้วย


• ทานผลไม้รสเปรี้ยว

ผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ ที่เพียงแค่ได้ยินชื่อรู้สึกหายง่วงในพริบตา ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงเปรี้ยว ตะลิงปลิง มะขามคลุก หรือจะเป็นมะนาวฝาน ที่เป็นวิธีแก้ง่วงตอนทำงานยอดนิยม ด้วยรสชาติเปรี้ยวที่สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ดังนั้น เมื่อได้กินผลไม้รสเปรี้ยวที่เป็นไอเทมเด็ดของวัยทำงาน รับรองได้เลยว่าตาสว่าง และหายง่วงทันที แถมยังช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีให้กับร่างกายอีกด้วย


• ดมยาดม หรือเครื่องสมุนไพรหอม

ยาดมสมุนไพร หรือเครื่องสมุนไพรหอม ไอเทมลับที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นยามบ่ายแถมยังเป็นวิธีแก้ง่วงตอนทำงานที่ทุกคนได้ลองแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน ซึ่งในขณะที่สูดยาดมสมองก็จะได้รับออกซิเจนเข้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัวจากความง่วง แถมยังให้กลิ่นที่หอมสดชื่นจากยาดมอีกด้วย



วิธีแก้ง่วงที่ดีที่สุดคือ “การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ”

ถึงแม้ว่าระหว่างวันจะมีวิธีแก้ง่วงตอนทำงานสารพัดวิธีเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและสามารถทำงานได้ แต่วิธีแก้ง่วงที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยสามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ด้วยการเข้านอนประมาณ 4 ทุ่ม หรือนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งการนอนหลับให้เพียงพอไม่เพียงแต่จะช่วยให้ไม่ง่วงระหว่างวันเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้

    ช่วยให้สมองตื่นตัว ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ ในวันรุ่งขึ้น
    ดีต่อสุขภาพจิต ช่วยลดความเครียดทำให้อารมณ์ดี
    ขณะที่นอนหลับความดันโลหิตก็จะทำงานลดลง ทำให้หัวใจและหลอดเลือดได้พักผ่อนไปด้วย ดังนั้น การนอนหลับที่เพียงพอจึงมีส่วนทำให้สุขภาพหลอดเลือดและหัวใจแข็งแรง
    การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพจะช่วยจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นและยังช่วยให้ความจำดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย

และที่สำคัญ คือ การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ผ่อนคลาย และได้ทำการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นการให้พักผ่อนให้เพียงพอ ยังช่วยให้สมองและร่างกายได้คลายความเครียดจากสิ่งต่างๆ ที่ได้เผชิญมาทั้งวัน ส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย


สังเกตตัวเองให้ดี! หากนอนเพียงพอแล้วยังง่วง ควรพบแพทย์!

หลายๆ คนมักไม่สนใจอาการง่วงนอนระหว่างวัน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถึงแม้จะนอนครบ 7-8 ชั่วโมง แต่ตื่นมาก็ยังรู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลียระหว่างวัน ทำให้ต้องใช้วิธีแก้ง่วงตอนทำงานอยู่บ่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อการทำงาน การเรียน หรือว่าการใช้ชีวิตประจำวันอื่นๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดได้จากหลายปัจจัยแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน และอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากปัญหาสุขภาพพื้นฐาน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความเครียด โรคซึมเศร้า ความไม่สมดุลของฮอร์โมน และปัญหาการทำงานของต่อมไทรอยด์ เป็นต้น สำหรับใครที่มีปัญหาง่วงนอนระหว่างวัน ถึงแม้จะนอนหลับเพียงพอแล้วก็ตาม ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป

วิธีการแก้ง่วงที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นการนอนหลับให้เพียงพอ โดยนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน แต่สำหรับบางคนที่อาจจะมีงานเร่งด่วน หรืองานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จ ถ้าหากรู้สึกง่วงนอนระหว่างวันก็สามารถนำวิธีแก้ง่วงตอนทำงานตามที่ได้แนะนำในบทความนี้ไปปรับใช้ได้  แต่อย่างไรก็ตามเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งการอดนอนบ่อยๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้น ทุกๆ คนจะต้องหาเวลาดูแลตัวเอง สุขภาพร่างกาย และพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อสุขภาพที่ดี
 


9 เคล็ดวิธีแก้ง่วงตอนทำงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

673
หลายคนคงรู้แล้วว่าปัจจัยหลักที่มีผลต่อสุขภาพ คือ โภชนาการและอาหารที่กินทุกมื้อ แต่ในเมื่อชีวิตเรายังคงต้องเร่งรีบทำงาน รวมถึงมีกิจกรรมอื่นๆให้ทำอีกมากมาย การเลือกกินให้ถูกหลักโภชนาการ ได้รับสารอาหารครบถ้วนทุกมื้อ ก็ทำได้ยากเสียเหลือเกิน พอศึกษาหาผลิตภัณฑ์สารอาหาร อาหารเสริมต่างๆ ก็มีมากมายจนเลือกไม่ถูก ดังนั้น เราจึงสรุปเกณฑ์ง่ายๆมาช่วยให้ทุกคนสามารถเลือก Smart Nutrients ได้อย่างคุ้มค่า มาฝากกัน


1. เลือกกินตามความต้องการ

เนื่องจากคนแต่ละกลุ่มมีความต้องการสารอาหารที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงปริมาณที่ไม่เท่ากัน ก่อนที่จะเลือกสารอาหารใด ๆ จึงควรคำนึงถึง เพศ อายุ อาหารที่กิน lifestyle ที่ใช้ ความต้องการดูแลสุขภาพด้านใดเป็นพิเศษ และปัญหาสุขภาพด้วยนะคะ

เช่น ผู้สูงอายุหรือคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ควรได้รับแคลเซียมและวิตามินดีผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ควรได้รับ โคเอนไซม์คิวเท็น (CoQ10) ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ควรได้รับใยอาหาร Prebiotic และจุลินทรีย์ดี Probiotic ที่เหมาะสม หรือผู้ที่ต้องการ ดูแลให้สุขภาพแข็งแรงโดยรวม สามารถรับประทานวิตามินซี และสารแอนตี้ ออกซิแดนซ์ (Antioxidant) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ค่ะ เลือกกินให้ถูกตามความต้องการ จะได้รับสารอาหารที่เหมาะสม และคุ้มค่า


2. บริษัทผู้ผลิตน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรอง

โดยเฉพาะการได้รับการรับรองจากองค์กรกลางที่น่าเชื่อถือ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) Food and Drug Administration ( FDA ) จากประเทศที่น่าเชื่อถือ รวมถึงในปัจจุบันมีสารอาหารเกรดยา ที่เรียกว่า Nutraceutical บางผลิตภัณฑ์สามารถเข้าไปอยู่ในตำราอ้างอิงทางการแพทย์ เช่น Physicians’ Desk Reference (PDR) หรือ Monthly Index of Medical Specialities (MIMS) จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือขึ้นไปอีกค่ะและสำหรับท่านที่ต้องการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่รับประทานอยู่หรือกำลังจะซื้อ สามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตามลิงค์นี้ต่อไปนี้ได้นะคะสำนักงานอาหารและยา นำเลขอย.ที่ระบุในผลิตภัณฑ์ไปค้นหาในเว็บนี้ http://pca.fda.moph.go.th/service

PDR ค้นหาโดยใช้ชื่อบริษัท หรือชื่อผลิตภัณฑ์ในเว็บ https://pdr.net/ ได้เลยค่ะ



3. พิจารณาความปลอดภัย

ทั้งความปลอดภัยส่วนบุคคล อย่างการแพ้อาหารบางชนิด เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คือการสกัดสารอาหารสำคัญจากอาหารแต่ละชนิด ถ้าใครแพ้อาหารเหล่านั้นก็ควรหลีกเลี่ยงสารอาหารกลุ่มนั้นด้วยนะคะ เช่น ถ้าแพ้โปรตีนเคซีนในนม แต่ต้องการรับประทาน โปรตีน เพิ่มเสริม สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ท่านควรเลือกรับประทานโปรตีนจากถั่วเหลือง หรือเวย์โปรตีนที่สกัดเคซีน ออกแล้วแทนอีกทั้งสมุนไพรส่วนใหญ่ จะมีทั้งส่วนที่เป็นประโยชน์ และส่วนที่ไม่มีประโยชน์หรือแม้กระทั่งมีโทษ ถ้าเทคโนโลยีการผลิตไม่สามารถสกัดเฉพาะสารสำคัญที่มีประโยชน์ออกมาได้ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดยังคงมีสารพิษเจือปน หรือ สารอื่นๆที่ไม่มีประโยชน์อยู่มาก เกิดการสะสมและเป็นอันตรายต่อร่างกาย นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้บางคนที่กินอาหารเสริมที่มีสารปนเปื้อน มีค่าความผิดปกติที่ตับ ไต ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่กำจัดของเสียของร่างกายเราค่ะ หลายท่านอาจจะสงสัยอีกว่า แล้วเราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่า บริษัทใดมีเทคโนโลยีการผลิตที่ สามารถสกัดสารพิษอันตรายออกไปได้ ผลิตภัณฑ์ใดปลอดภัยและไม่มีสารปนเปื้อน นี่เป็นหน้าที่หลักขององค์กรกลาง ที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์เลยค่ะ ด้วยเหตุผลนี้ การรับรองผลิตภัณฑ์จากองค์กรกลางที่มีความน่าเชื่อถือตามข้อ 2 จึงสำคัญมากค่ะ ดังนั้นก่อนรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดใด ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์นั้นก่อนนะคะ


4. ปริมาณและความเข้มข้นของสารสำคัญที่มีประโยชน์

โดยทั่วไปในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดต่างๆ มักมีส่วนประกอบคือ สารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อ ร่างกาย และส่วนประกอบ อื่นๆ ดังนั้น ปริมาณโดยรวม ไม่ได้เป็นเกณฑ์บอกว่าเราจะได้รับสารอาหารมากหรือน้อย บางผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กกว่า แต่มีสาร สำคัญมากกว่า จะถือว่าได้รับประโยชน์ มากกว่าเช่น การเลือกรับประทาน ไขมันปลาโอเมก้า 3 (Omega3) สารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อระบบประสาท และหลอดเลือดของเราคือ EPA และ DHA ดังนั้นให้ท่านเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์โอเมก้า 3 ต่างๆด้วยการพิจารณาที่ปริมาณสาร 2 ชนิดนี้แทนนะคะ จะได้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีประ โยชน์และคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น


5. รูปแบบของสารอาหาร การดูดซึมนำไปใช้ของร่างกาย

สารอาหารสามารถแยกได้หลักๆ 2 แบบคือ สารอาหารแบบสกัด และสารอาหารสังเคราะห์


สารอาหารแบบสกัด คือกระบวนการผลิตที่สกัด สารอาหารที่มีประโยชน์ออกมาจากพืชหรือสัตว์ตามธรรมชาติ


ส่วนการสังเคราะห์นั้น เกิดจากการที่นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้โครงสร้างของสารอาหารต่าง ๆ รวมถึงกระบวนการดูดซึมและการนำไปใช้ของร่างกาย แล้วสร้างสารนั้นขึ้นมาจากสารเคมี อื่น  ๆ แม้จะเป็นสารอาหารที่มีการดูดซึมนำไปใช้คล้ายกัน แต่วิธีการผลิตไม่เหมือนกัน อาจให้ผลกระทบต่อร่างกายต่างกัน


ดังนั้น แนะนำให้เลือกเป็นสารอาหารประเภทสารสกัด จะมีความปลอดภัยมากกว่า ส่วนในด้านการดูดซึมนำไปใช้ หรือที่เรียกว่า Bioavailability สารอาหารที่กินอยู่จะไม่มีประ โยชน์เลย ถ้าร่างกายไม่สามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ จริงไหม


ปัจจัยนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาเช่นกัน สารอาหารแต่ละชนิดอาจอยู่ในหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ต่างกัน เช่น แคลเซียม (Calcium) ที่อยู่ในรูปแบบคีเลตกับกรดอะมิโน ร่างกายจะดูดซึมนำไปใช้ได้ดีกว่า แคลเซียม คาร์บอเนต หรือแคลเซียมเม็ดฟู่





กระชายพลัส: 5 วิธีเลือกอาหารเสริมให้เหมาะกับเรา อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

674
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขนทัพสุดยอดยนตรกรรมล้ำสมัย นำโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบของรถกระบะ “ออล-นิว ไทรทัน” จัดแสดงที่งาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023” (Fast Auto Show Thailand & EV Expo 2023) ตลอดวันที่ 5-9 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา


ร่วมด้วย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของครอบครัวยุคใหม่ และผู้ที่รักการผจญภัยและออกทริปเอาท์ดอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งรถกระบะรุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” อัดแน่นด้วยขุมพลังความแกร่งเข้มเต็มพิกัดในทุกมุมมอง


มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ต่างรอคอยการเปิดตัวรถกระบะโฉมใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ว่า “มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดที่แตกต่างและโดดเด่น และมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยภายในงานนี้ จะมีการจัดแสดง มิตซูบิชิ เอ็กซ์อาร์ที คอนเซ็ปต์ รถต้นแบบของรถกระบะ “ออล-นิว ไทรทัน” เพื่อตอบรับกระแสที่หลายคนกำลังรอคอยการเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้อีกด้วย”

“ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น แรงเต็มขั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส พร้อมด้วยแชสซีส์ใหม่ยกชุดที่จัดเต็มความแข็งแกร่งทนทาน ยกระดับสู่อีกขั้นของการขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ควบคุมง่ายคล่องตัว สะดวกสบายและปลอดภัยกว่า เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางออฟโรด ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ความสะดวกสบายเหนือระดับ และยังมีพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและการบรรทุกเชิงพาณิชย์” มร. โคอิโตะ กล่าว

ผู้เข้าร่วมงาน ‘ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ แอนด์ อีวี เอ็กซ์โป 2023’ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร !” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN)  เพื่อเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ล่าสุดในโลกก่อนใคร พร้อมรับ 3 ข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ทั้งชุดแต่งแท้รอบคัน เสริมพลังหล่อเข้มเต็มพิกัด และชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด ‘ออล-นิว ไทรทัน ลิมิเต็ด บ็อกซ์เซ็ต’ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจุใจ รวมทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 240,000 บาท  โดยลูกค้าที่สนใจ สามารถดูข้อมูลรายละเอียด และเงื่อนไขเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.allnewmitsubishitriton.com


ภายในงาน ยังมีการจัดแสดงสุดยอดยนตรกรรมจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส รุ่นต่างๆ ประกอบด้วย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัยและมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและฟังก์ชั่นที่ครบครันผสมผสานความเป็น “เอสยูวี และ ครอสโอเวอร์” ไว้อย่างลงตัว พร้อมด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ โฉบเฉี่ยว โดดเด่นทันสมัย สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมวัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยม เสริมความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย  “ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง” (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการทำงานของล้อด้านในและด้านนอกระหว่างเข้าโค้ง เพิ่มความปลอดภัยและเสถียรภาพในการขับขี่ ให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลายรองรับการใช้งานในทุกรูปแบบของครอบครัวยุคใหม่ ที่รักการผจญภัยและชื่นชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์


อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน คือ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition ที่มาพร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll และเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-Time All Wheel Control เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift เทคโนโลยีครบครันด้วยระบบปรับอากาศ nanoeTMX  มอบอากาศสะอาดและสดชื่นภายในห้องโดยสาร ชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม Mitsubishi Power Sound System (MPSS) ลำโพง 8 ตำแหน่ง สะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ รองรับทุกสรีระ และเบาะหนังสังเคราะห์ คุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE


ตามด้วย มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ 2WD 2.5 GLX 5MT ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเต็มอารมณ์สปอร์ต พร้อมช่วงล่างที่ดีเยี่ยมเพื่อสมรรถนะการขับขี่และการควบคุมได้ดั่งใจพร้อมสำหรับการบรรทุกหนัก พร้อมด้วยไฟท้ายและไฟเบรก LED พร้อมไฟตัดหมอก ระบบความปลอดภัยครบครัน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รัศมีวงเลี้ยวที่แคบและความสูงใต้ท้องรถที่สูง ทำให้รถกระบะรุ่นนี้รองรับการใช้งานอย่างอเนกประสงค์ มีความคล่องตัวสูง ดีไซน์ที่มีสไตล์ โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปกติหรือนำไปตกแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า


ออล นิว ไทรทัน: มิตซูบิชิ แสดงรถต้นแบบ “ออล-นิว ไทรทัน”พร้อมแคมเปญสุดพิเศษ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

675
หลังจากที่ Mitsubishi Triton 2024 ใหม่ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ล่าสุดทางมิตซูบิชิประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศวันที่ทางรถกระบะเจนฯ ใหม่ จะลงตลาดวางขายในดินแดนอาทิตย์อุทัยแล้ว โดยมีกำหนดลงโชว์รูมในวันที่ 15 ก.พ. 2024 นี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่รุ่น GLS และรุ่น GLR โดยรถที่วางขายในแดนปลาดิบนี้จะถูกผลิตทั้งคันจากโรงงานในประเทศไทย

สำหรับ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดนี้ จะมีเฉพาะตัวถังแบบ Double Cab 4 ประตู ในด้านงานออกแบบมาพร้อมแนวคิดที่เรียกว่า Beast Mode (บีสท์ โหมด) ที่สะท้อนความบึกบึน และทรงพลังแบบฉบับ

ด้านหน้ายังมาในแบบไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) โดยในรุ่น GLR จะได้รับกระจังหน้าสีเดียวกัยตัวรถ พร้อมปั้มชื้อแบรนด์ M I T S U B I S H I ไว้ที่ขอบกระจังหน้าด้านบน ส่วนตรงกลางติดตราโลโก้ทรีไดมอนด์สีเงิน ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นกระจังหน้าสีดำ ขณะที่ลายละเอียดจะเหมือนกับในรุ่นท็อป GLR

นอกจากนั้นในส่วนชุดแต่งที่ขอบชุดไฟหน้า ในรุ่น GLR จะเป็นสีดำ ลากยาวมาจรดถึงกันชนหน้า ส่วนในรุ่น GLS จะเป็นสีบรอนซ์เงิน เช่นเดียวกัยที่ฝาครอบกระจกแมองข้าง และมือเปิดประตู ในรุ่นท็อปจะเป็นสีดำ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะเป็นสีบรอนซ์เงิน นอกจากนั้นยังเติมความดุดันด้วยการ์ดกันกระแทกสีเงินในร่นท็อป ขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะไม่มีติดตั้งมาให้

อีกทั้งในรุ่น GLR ยังมาพร้อมกับซุ้มล้อสีดำมาในแบบสามมิติ เข้าชุดกับล้ออัลลอยล้อรมดำขนาด 18 นิ้ว ส่วนในรุ่น GLS จะมีขนาด 18 นี้วเท่ากัน แต่จะมาในสีเทา

นอกจากนั้นในรุ่น GLR ยังได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์บนขอบกระบะท้าย มาพร้อมไฟท้าย ไฟท้าย LED T-shaped และกันชนหลังสีเงิน

โดยในรุ่น GLR จะมีให้เลือก 4 เฉดสีได้แก่ สีส้ม Yamabuki Orange Metallic, สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic และสีดำ Jet Black Mica

ส่วนในรุ่น GLS จะมีให้เลือก 5 เฉดสีได้แก่ สีขาว White Dimond, สีเทา Graphite Gray Metallic, สีดำ Jet Black Mica, สีบรอนซ์เงิน Blade SilveR Metallic และสีแดง Red Solid

ภายในห้องโดสารทั้ง 2 รุ่นย่อยจะได้รับจอเรือนไมล์แบบ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่วางอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่หุ้มด้วยวัสดุหนัง มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้นับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, ช่องต่อ USB ด้านหน้าแบบ Type-C / Type-A จุดละ 1 ตำแหน่งด้านหน้า และด้านหลัง 1 จุด, แท่นชาร์จมือถือไร้สายอยู่ที่ด้านล่างของแผงควบคุม

แผงคอนโซลกลางมีช่องวางแก้วน้ำที่รองรับแก้วขนาดใหญ่ 2 ใบ พร้อมกล่องเก็บของที่รองรับขวดพลาสติกขนาด 600 มิลลิเมตร ได้มากถึง 4 ขวด

สำหรับระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการกขับขี่ จะได้รับระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร, กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะ, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ e-Assist, ประตูกระบะท้ายพร้อมระบบกุญแจล็อก เป็นต้น

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนวอร์ชันญี่ปุ่นทั้ง 2 รุ่นย่อย จะมากัยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับ Triton Athlete ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD-Ⅱ และระบบล็อกเฟืองท้าย

สำหรับ Mitsubishi Triton เวอร์ชั่นในตลาดญี่ปุ่น จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยในรุ่น GLS จะมีราคา 4,988,000 เยน หรือราว 1.2 ล้านบาท และรุ่น GLR เปิดราคาอยู่ที่ 5,401,000 เยน หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท


all new mitsubishi triton 2024: Mitsubishi Triton เจนฯ 6 กลับมาขายใหม่ที่ญี่ปุ่นในรอบ 10 กว่าปี  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

676
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศราคาจำหน่าย All-New Mitsubishi Triton ในรุ่นตัวเตี้ยครบทั้งไลน์อัพ ทั้งรุ่น Double Cab (ดับเบิ้ล แค็บ) สี่ประตู, รุ่นตอนครึ่ง Mega Cab (เมกะ แค็บ) และรุ่นตอนเดียว Single Cup (ซิงเกิ้ล แค็บ) รวมถึงรุ่นตอนครึ่ง ยกสูง Mega Cab Plus (เมกะ แค็บ พลัส) เคาะราคาเริ่มต้นที่ 565,000 บาท พร้อมส่งมอบรถล็อตแรกในช่วงต้นเดือนเดือนธันวาคม 2566

สำหรับรถกระบะ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะ แค็บ พลัส (All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Plus) และ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ โปร ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton Single Cab Low Rider Pro) จะมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่สุดแกร่ง “ไฮเปอร์พาวเวอร์” (Hyper Power) 2.4 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร

ขณะที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ตัวเตี้ย รุ่นอื่นๆ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่อันทรงพลัง “โฟร์-เอ็น-วัน-ซิกส์” (4N16) ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร

นอกจากนี้ All-New Mitsubishi Triton ยังได้รับแชสซีส์ใหม่ “เมกาเฟรม” (Mega Frame) ที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งทนทานกว่า แต่มีน้ำหนักที่เบา มาพร้อมช่วงล่างใหม่ที่จัดได้ว่าดีที่สุดในรถรุ่นเดียวกัน ทำให้ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่นุ่มนวลบนทุกสภาพถนน เกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในทางตรงทางโค้ง ควบคุมได้อย่างคล่องตัวแม้ในขณะที่บรรทุกของหนัก

โดยมีพื้นที่กระบะท้ายสำหรับการบรรทุกมากขึ้น อาทิ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซิงเกิ้ล แค็บ ตอนเดียว ทุกรุ่น สามารถบรรจุตะกร้าสินค้าเกษตรขนาดมาตรฐาน หรือตะกร้าผลไม้ ได้มากถึง 13 ใบ ในการจัดเรียง 1 ชั้น ซึ่งเป็นขนาดกระบะท้ายที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารถปิคอัพในไทย


ขณะที่ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นเมกะ แค็บ ตอนครึ่ง สามารถรองรับตะกร้าสินค้าเกษตรได้มากถึง 9 ใบ ในการจัดเรียง 1 ชั้น

นอกจากนี้ ออล-นิว ไทรทัน ทุกรุ่นยังได้รับการดีไซน์เพื่อตอบโจทย์ความเป็นรถปิกอัพส่วนตัวสำหรับคนยุคใหม่ ตอบโจทย์ทั้งการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ โดยเน้นที่ความสะดวกสบายหรูหราของห้องโดยสาร พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน อาทิ หน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เป็นต้น


สำหรับราคาจำหน่าย All-New Mitsubishi Triton รุ่นตัวเตี้ย มีราคาจำหน่ายดังนี้

    All-New Mitsubishi Triton Single Cab Low Rider มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro) รุ่นแอคทีฟ (Active) และรุ่นแอคทีฟ เฉพาะแค็บและแชสซีส์ (Active with only cab & chassis) ราคาจำน่ายเริ่มต้น 565,000 บาท
    All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Low Rider มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro) และรุ่นแอคทีฟ (Active) ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 622,000 บาท
    All-New Mitsubishi Triton Double Cab Low Rider Pro ราคาจำหน่ายที่ 712,000 บาท
    All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Plus ตอนครึ่ง ยกสูง มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอัลตรา (Ultra) รุ่นไพรม์ (Prime) และรุ่นโปร (Pro) ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 740,000 บาท


all new mitsubishi triton 2024: เปิดราคา All-New Mitsubishi Triton Low Rider อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

677
รถกระบะ ถือเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สำหรับคนไทยอย่างแท้จริงด้วยการที่สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบทั้งในเมืองและนอกเมืองออกงานหรือขนของ ทำให้ผู้ผลิตก็มีการแข่งขันกันสูงในตลาดรถกระบะบ้านเรา และผู้เล่นอย่าง ฟอร์ดที่เรียกว่ากระแสดีอย่างต่อเนื่องแม้จะติดๆขัดบ้างตามมาติดๆกับมิตซูบิชิที่เรียกกระแสกับหน้าตาใหม่ได้อย่างดี

สำหรับทั้งสองรุ่นเทียบรุ่นท๊อป ข้อแตกต่าง ชัดเจน ดีกันคนละแบบ ด้วยความนิยมในปัจจุบันรถที่แต่งออกจากโรงงานยกสูงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่ารถออกงานนั้นเองจะลุยหรือจะหล่อก็พาไปได้

เริ่มด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ได้ถูกปรับปรุงใหม่หลักๆคือเครื่องที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร เปิดตัวมาด้วยเครื่อง 2 รุ่นคือเทอร์โบเดี่ยว 180 แรงม้า กับเทอร์โบคู่ 213 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ 10 สปีด ที่ให้ทั้งพละกำลังและความประหยัดพร้อมกัน

ด้านการขับขี่ช่วงล่างที่โดดเด่นของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดการโคลงตัวและการควบคุมการทรงตัวทำให้หลายคนที่ได้ทดลองก็ติดใจกันเลย ถึงประสิทธิภาพที่ดีทำให้มันใจในการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ประกอบกับกำลังของเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ให้การตอบสนองเป็นอย่างดี ทั้งความแรงและประหยัด

ด้านความปลอดภัยเรนเจอร์ทุกรุ่นได้รับการยกระดับให้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ที่เพิ่มในรถกระบะที่ไม่มีใครใส่ให้มาก่อน อย่างเช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift และระบบช่วยโทรฉุกเฉิน Emergency Assist เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยยิ่งขึ้น


มาถึง มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ที่พึงเปิดตัวมาไม่นานนี้ ด้วยหน้าใหม่ที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก เรียกว่ากระแสดีตั้งแต่ก่อนเห็นหน้ากันเลย มิตซูบิชิ ฉีกกดความเป็นกระบะออกไปอย่างชัดเจดด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนไป ถ้าเรานำเอากระบะมาจอดเรียงกันทุกยี่ห้อ ไทรทัน จะโดดเด่นกว่าเพื่อน ด้วยการออกแบบใหม่เป็นแนวทาง Dynamic Shield ตามแนวทางของมิตซูบิชิ หน้าตาไทรทันใหม่ออกมาระหว่าง Pajero Sport กับ Xpander ทำให้ดูเป็น SUV ขนาดหรูกันเลย

ภายในห้องโดยสารมีการปรับเส้นสายภายในคอนโซนกลางทำให้ดูดีขึ้น ปรับปรุงเสริมแต่งวัสดุคุณภาพภายใน ให้ดูดีมีราคามากขึ้น แต่ที่โดดเด่นคือระบบแอร์ ที่อยู่เหนือเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่สามารถปรับได้ตามเอง ไม่ใช้เป็นเพียงช่องแอร์ด้านล่างที่ไม่สามารถปรับอะไรได้ บอกได้เลยว่าเปรียบเสมือน SUV ระดับหรูกันเลย และอีกสิ่งที่สำคัญ สำหรับชีวิตปัจจุบันคือ ช่องเสียบ USB ติดตั้งมาให้อย่างเหลือเฟือกันเลย ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองเป็นอย่างมาก

เครื่องยนต์ ของ มิตซูบิชิ ไทรทันยังคงใช้ดีเซล รหัส 4N15 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.4 ลิตร 2,442 ซีซี. เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo – Intercooler พร้อมระบบแปรผันวาล์ว MIVEC กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86.0 x 105.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พิเศษคือยกเกียร์ของ Pajero Sport มาใช้

การขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ตัวเดิมจับคู่กับเกียร์ใหม่ทำให้ ไทรทันใหม่นี้ขับขี่ได้อย่างสนุกสนามตอบโจทย์การขับขี่ได้ทุกสถานะการทั้งในเมืองหรือนอกเมืองกันเลย ช่วงล่างที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยต่างๆทำให้มั่นใจได้ว่าในการขับขี่ทุกครั้งจะสามารถพาผู้ขับขี่เดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

         
      สำหรับ รถทั้งสองรุ่นนี้ Mitsubishi Triton ถือว่ากล้าที่จะแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดกระบะด้วยหน้าตาที่ฉีกกดความเป็นกระบะพร้อมทั้งจัดเต็มกับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสู้คู่แข่งในตลาดทำให้เป็นตัวเลือกที่หน้าสนใจ และด้วยราคาตัวท๊อป 1,099,000 บาท เรียกได้ว่าสามารถดึงดูดผู้ที่จะตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี ถือว่า มิตซูบิชิ ทำการบ้านมาได้ดี
     

    Ford Ranger ถือว่าเป็นเจ้าตลาดกระบะระดับบนกันเลย ด้วยรูปล่างหน้าตาที่ดูแกร่ง สมเป็นกระบะ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น อุปกรณ์ ทั้งด้านความปลอดภัยและระบบการขับขี่ให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสบายเหมือนกับ SUV ระดับหรูกันเลย แต่ก็แลกมาด้วยราคาค่าตัวที่อาจจะสูงกว่าคู่แข่ง


  สรุป ถ้าคุณเป็นแฟนมิตซูบิชิ บอกได้เลยว่าถูกใจแน่นอน แต่ถ้าคุณต้องการรถกระบะที่มีความเป็น SUV ระดับบนนั้น ฟอร์ดก็หน้าจะตอบโจทย์คุณได้ เพราะราคาก็ได้เป็นคำตอบทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ใช้ว่าคุณต้องการรถแบบไหนถูกใจคุณหรือไม่



มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: ศึกกระบะส่งท้ายปี Mitsubishi Triton และ Ford Ranger มวยถูกคู่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

678
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/





679
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

“ออน (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) (ตราเอ็มเมด) เติมพลังให้ชีวิต”
สมองและใจที่ดี มันต้องไปกับร่างกายที่พร้อม
ด้วยภารกิจที่แสนจะหนักหน่วง ใจพร้อมแต่บางทีร่างกายมันไม่พร้อมไปด้วย เหนื่อยล้าเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
MMED สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกายด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน”
ชื่อผลิตภัณฑ์
: ออน
เลขที่ใบรับแจ้ง
: 13-1-15859-5-1159
ขนาดบรรจุ
: 1 กล่อง (7 ซอง)
วิธีรับประทาน
: รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม) เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยวก่อนกลืนและดื่มน้ำตาม
จุดเด่นผลิตภัณฑ์
: ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานโดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ส่วนประกอบสำคัญ
: L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.
คุณประโยชน์
: กระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกายด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


680
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)

ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


หน้า: 1 ... 66 67 [68] 69 70 ... 108
โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google