แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 71 72 [73] 74 75 ... 82
721
ในเรื่องของการรับประทานอาหาร เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนเราเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาหารฟ้าสฟู้ด ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บป่วย

หากรับประทานเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสะสมของสารก่อมะเร็งมากมาย จนนำไปสู่การเจ็บป่วยมากมาย โดยโรคที่คนไทยหลายคนกำลังประสบพบเจอ หนีไม่พ้นโรคที่เกิดจากอาหารการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และไม่ถูกหลักโภชนาการ การรับประทานอาหารที่ไม่มีความสมดุล รับประทานบางอย่างมากเกินไป สะสมนานวันเข้า สุดท้ายอาจเป็นโรคได้

โดยเฉพาะโรคไต แต่นอกจากอาหารเค็มแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนเป็นโรคไต หรือที่กำลังฟอกไตอยู่ควรระวัง ยกตัวอย่างเช่น ฟอสฟอรัส ที่ตัวอันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคไต เพราะนอกจากโซเดียมที่เป็นตัวการสำคัญของโรคไต และความดันโลหิตสูงแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสอีกตัวที่จะทำให้อาการของโรคไตแย่ลง เพราะเมื่อไตของเรากำลังเสื่อม ก็จะมีความสามารถในการกรองเอาสารอาหารประเภทฟอสฟอรัสออกมาได้น้อยลง นั่นหมายความว่า ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสเข้าไปมากเท่าไร มันก็สะสมอยู่ในร่างกาย ทั้งที่จริงๆ แล้ว คนที่ไตทำงานปกติ ไตจะกรองเอาสารอาหารที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายออกให้ ในขณะเดียวกัน ฟอสฟอรัสไม่ยอมออกไปเลย ก็เลยทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึง อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการรับประทานอาหาร

อย่างที่เราเน้นย้ำมาตลอดว่า การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และต้องได้รับพลังงานเพียงพอ โดยในแต่ละมื้อควรมีอาหารหลากหลาย ควรปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ได้แก่ การลดหวาน, ลดมัน, ลดเค็ม เพื่อควบคุมโรคที่มีผลกระทบต่อไต รวมไปถึง ควบคุมปริมาณเนื้อสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์มีปริมาณโปรตีนสูง หากรับประทานมากเกิน จะทำให้ปริมาณของเสียในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ไตทำงานหนัก ควรเลือกรับประทานโปรตีนคุณภาพสูง ได้แก่ เนื้อปลา เนื่องจากมีไขมันต่ำ มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง, ไข่ขาว, เนื้อหมู, เนื้อไก่ไม่ติดหนัง, นมไขมันต่ำ เป็นต้น ต่อมาอาหารประเภท ข้าว หรือแป้ง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ เช่น ข้าวเจ้า ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี เป็นต้น รวมไปถึงอาหารประเภทไขมัน แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ และจำกัดไขมันอิ่มตัวทั้งจากพืชและสัตว์ เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม มันหมู รวมถึงไขมันทรานส์ ที่สำคัญควรจำกัดโซเดียมในอาหาร กรณีความดันโลหิตสูงหรือมีอาการบวม ต้องจำกัดปริมาณโซเดียม นอกจากนี้ น้ำเปล่าเหมาะกับผู้ป่วยโรคไตมาก


ที่สุด หรือหากอยากดื่มน้ำสมุนไพร ต้องไม่หวานจัด หรือหากมีความดันโลหิตสูง หรืออาการบวม ต้องจำกัดน้ำดื่ม ไม่เกิน 700 – 1,000 ซีซีต่อวัน เพราะความสามารถในการขับปัสสาวะของผู้ป่วยโรคไตจะลดลง ข้อปฏิบัติอื่นๆ เช่น งดบุหรี่ เหล้า กาแฟ ระวังไม่ให้เกิดท้องผูกด้วยยา เพราะเมื่อขับถ่ายยากมีผลให้ความดันโลหิตขึ้น และยังมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมโปแตสเซียมมากขึ้น อีกทั้งควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม สม่ำเสมอ และนอนหลับสนิท ส่วนสารอาหารอื่นๆ อาจต้องมีการปรับและควบคุมตามอาการของโรค


โดยการไปพบแพทย์และตรวจเลือดเป็นระยะๆ เพราะจะเป็นตัวช่วยบอกว่าควรจำกัดสารอาหารใดบ้าง ทั้งหมดนี้ ก็คือ แนวทางในการรับประทานอาหารของผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานอาหารให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะรับประทานได้ แต่ก็ไม่ควรรับประทานจนมากเกินไป ควรรักษาสมดุลของอาหารให้ดี และรับประทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนเดิมในทุกๆ วัน ทุกๆ มื้อ เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ใครที่ต้องรับประทานยาจับฟอสฟอรัส ก็อย่าลืมรับประทานพร้อมอาหารอย่างสม่ำเสมอด้วย ช่วยให้ฟอสฟอรัสไม่สูงได้เป็นอย่างดี ถ้าเราควบคุมปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดได้

ดังนั้นเราอยากให้ทุกคน เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดูแลสุขภาพร่างกาย หันมาใส่ใจในการรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอทำให้ร่างกายได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ห่างไกลจากภาวะการเจ็บป่วยได้



บริการด้านอาหาร: อาหารเหมาะสําหรับ คนเป็นโรคไต อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/catering-service/

722
Hyundai Ioniq 5 (ฮุนได ไอโอนิค 5) รถยนต์ไฟฟ้าแบบ Crossover ขนาดคอมแพกต์ ตัวถัง 5 ประตู 5 ที่นั่ง ซึ่งภายในได้รับการจัดสรรพื้นที่และใส่ฟังก์ชันเพื่อเพิ่มความสะดวกในการโดยสาร พร้อมห้องโดยสารแบบ Smart Cockpit เตรียมเปิดตัวที่งาน Motor Expo 2023 ในฐานะรถใหม่ 2024 โดยจะเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายทั้งคันจากเกาหลี ซึ่งปัจจุบันมี 4 รุ่นย่อย ราคารุ่นเริ่มต้นเมื่อคิดเป็นเงินไทยแล้วก็ตกอยู่ราว 1.36 ล้านบาท


Hyundai Ioniq 5 ดีไซน์ภายนอก

Hyundai Ioniq 5 นั้น มาในรูปแบบของรถ CUV หรือ Crossover Utility Vehicle ผ่านสไตล์ตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ทรงเหลี่ยม ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Hyundai Pony ในอดีต และปรับให้มีดีไซน์เกินยุคสมัยปัจจุบันด้วยแนวคิดของ Paramatic Architecture จากการใช้เส้นตรงทแยงไร้ทิศทางภายใต้พื้นผิวเรียบรวมถึงสัดส่วนที่สมดุล ไฟหน้า-หลังเป็น Paramatic Pixel Light ซ่อนบนพื้นสีดำ ล้อมี 2 ขนาด คือ 19 กับ 20 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ส่วนขนาดตัวถังจะมีความยาว 4,635 มม. กว้าง 1,890 มม. สูง 1,605 มม. ความยาวฐานล้อ 3,000 มม. หรือใกล้เคียงกับ Honda CR-V 2023


Hyundai Ioniq 5 ดีไซน์ภายใน

ภายในห้องโดยสารของ Hyundai Ioniq 5 ให้ความโปร่งโล่งและมินิมอล ด้วยชุดแผงหน้าปัดแนวนอนที่ติดตั้งเพียงจอ LCD ขนาดใหญ่ โดยแบ่งเป็นส่วนของจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว และจอมัลติฟังก์ชันขนาดเท่ากัน สำหรับรุ่นที่ใช้กล้องมองข้างแทนกระจกจะมีจอมองข้างอยู่มุมประตูซ้าย-ขวา แต่ยังเหลือแผงควบคุมอุปกรณ์บางส่วนบริเวณกลางคอนโซลด้านล่าง ส่วนความอเนกประสงค์ของ Hyundai Ioniq 5 คือ เบาะและคอนโซลกลางที่ถูกออกแบบให้เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ตามลักษณะการใช้งาน เบาะหน้ามีที่รองน่องให้ทั้งฝั่งผู้โดยสารรวมถึงคนขับสำหรับการพักผ่อนขณะจอดรถ เป็นต้น


Hyundai Ioniq 5 ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะ

Hyundai Ioniq 5 ที่จำหน่ายในเกาหลี จะมี 4 รุ่นย่อย สมรรถนะต่างกัน ดังนี้

    Standard 2WD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งเฉลี่ย 336 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

    Long Range 2WD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 77.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 229 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งเฉลี่ย 450 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

    Standard AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 235 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 605 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งเฉลี่ย 319 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

    Long Range AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 77.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 325 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 605 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งเฉลี่ย 417 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

หมายเหตุ : ระยะทางวิ่งอ้างอิงจากการใช้ล้อขนาด 19 นิ้ว


Hyundai Ioniq 5 เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

Hyundai Ioniq 5 จะมีระบบช่วยขับขี่ ประกอบด้วย ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน, ระบบช่วยจำกัดความเร็ว, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน หยุดและออกตัวตามรถคันหน้าได้และทำงานร่วมกับระบบนำทางเพื่อคาดการณ์สภาพเส้นทางล่วงหน้า และระบบช่วยขับขี่บนทางหลวงสำหรับการเดินทางไกล ส่วนอื่น ๆ ก็จะมีถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX รวมถึงระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เป็นต้น


Hyundai Ioniq 5 ราคาจำหน่าย

สำหรับราคาจำหน่ายของ Hyundai Ioniq 5 ในเกาหลี หลังหักส่วนลดแล้วจะเริ่มต้นที่ 50,050,000 วอน หรือประมาณ 1.36 ล้านบาท ขณะที่รุ่นสูงสุดตั้งราคาไว้ 58,850,000 วอน หรือประมาณ 1.6 ล้านบาท


Hyundai Ioniq 5 รถยนต์ไฟฟ้าเกาหลี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

723
สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนปล่อยเช่ากันอยู่นั้น วันนี้เรามีคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ VENIO สุขุมวิท 10 จาก บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด ในเครือ บมจ.อนันดา มาฝากกันค่ะ

ตัวโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 10ใกล้ถนนใหญ่สุขุมวิท ทำเลศักภาพใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS นานา, BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท

ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งห้าง Terminal 21, โรบินสัน สุขุมวิท, Central Embassy, ร.พ.จุฬาลงกรณ์, ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สยามพารากอน, สยามแสควร์, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, MBK

เวนิโอ สุขุมวิท 10 เป็นโครงการคอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 1-0-53 ไร่ ห้องพักอาศัยรวม 162 ยูนิต ห้องพักอาศัยเป็นแบบ Studio และ 1 – 2 Bedrooms โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ 23.2 – 71.3 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished คือมีเฟอร์นิเจอร์, เครื่องปรับอากาศ, ชุดครัวและชุดสุขภัณฑ์พร้อมฉากกั้นห้องน้ำมาให้แบบจัดเต็ม ปัจจุบันเป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว

โดดเด่นด้วยรูปแบบของดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมฟังค์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบถ้วน สะท้อนตัวตน และรูปแบบในการใช้ชีวิตของคุณได้อย่างลงตัว

สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการครบครัน อาทิ Lobby, สระว่ายน้ำ, พื้นที่สีเขียวและลานพักผ่อนข้างสระ, ห้อง Steam, ห้องฟิตเนส, สวนหย่อมรอบโครงการและชั้นดาดฟ้า,ที่จอดรถ 68 คัน คิดเป็น 42% ของจำนวนยูนิตโครงการ ไม่รวมจอดซ้อนคัน พร้อมระบบการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท*


ชื่อโครงการ    เวนิโอ สุขุมวิท 10 VENIO Sukhumvit 10
เจ้าของโครงการ    บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด ในเครือ บมจ.อนันดา Ananda Sole Agent : The Agent
เนื้อที่ทั้งหมด    1-0-53 ไร่
จำนวนตึก    1 อาคาร
จำนวนชั้น    8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น
จำนวนห้อง    162 ยูนิต

ลักษณะห้องและขนาดห้อง    

    Studio : 23.20 – 25.75 ตร.ม.
    1 Bedroom : 27.75 – 40.56 ตร.ม.
    2 Bedrooms : 49.30 – 71.30 ตร.ม.

ที่จอดรถทั้งหมด    68 คัน (คิดเป็น 42% ของทั้งหมด)
โซน    เขตวัฒนา

ขนส่งสาธารณะ    

    รถไฟฟ้า BTS นานา
    รถไฟฟ้า BTS อโศก
    รถไฟฟ้า MRT สุขุมวิท
    ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร

รถโดยสารที่ผ่าน    n/a
ที่ตั้ง    ซอยสุขุมวิท 10 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
กำหนดการ    เปิดจองครั้งแรก 22 ก.ย. 2559
ปีที่สร้างเสร็จ    สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ต้นปี 2561
ราคา    เริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม    เริ่มต้นประมาณ 161,500 บาท/ ตร.ม.


ค่าส่วนกลางและกองทุน    

    ค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
    ค่ากองทุน 900 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง    

    Korean Town : 420 ม.
    โรบินสัน สุขุมวิท : 550 ม.
    Terminal 21 : 750 ม.
    Central embassy : 1.7 กม.
    Central ชิดลม : 2.1 กม.
    ห้าง Gaysorn : 2.4 กม.
    Siam Square One : 3.1 กม.
    Siam Paragon : 3.3 กม.
    Siam Center : 3.4 กม.
    Siam Discovery : 3.4 กม.

    อุทยานเบญจกิติ : 1.4 กม.
    สวนเบญจสิริ : 1.8 กม.
    สวนลุมพินี : 3.3 กม.

    Time Square : 580 ม.
    Exchange Tower : 1 กม.
    Interchange 21 : 1 กม.
    Jasmin City : 1.13 กม.
    Lake Ratchada : 1.4 กม.
    Ocean Tower : 1.6 กม.
    Sinothai Tower : 1.3 กม.
    Sermmit Tower : 1.4 กม.

    รพ.บำรุงราษฎร์ : 1.65 กม.
    รพ.บำรุงราษฎร์ : 2.5 กม.
    รพ.ตำรวจ : 2.6 กม.
    รพ.สมิติเวช สุขุมวิท : 3.8 กม.
    รพ.เทพธารินทร์ : 4.25 กม.

    ร.ร.มาแตร์เดอี : 2.2 กม.
    จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : 2.9 กม.

สิ่งอำนวยความสะดวก    

    ที่จอดรถชั้นใต้ดิน-ชั้น 1
    Lobby
    Mailbox
    สระว่ายน้ำระบบเกลือ
    ฟิตเนส
    สวนพักผ่อน
    ห้องซักรีด
    ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
    Access Card Control
    CCTV
    รปภ. 24 ชม.

จุดเด่นของโครงการ    “VENIO สุขุมวิท 10“ คอนโด Low-Rise 8 ชั้น สร้างเสร้จพร้อมอยู่ ห้องพักอาศัย 168 ยูนิต บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวก เพียง 600 เมตร ถึงรถไฟฟ้า BTS นานา | 650 เมตร ถึงรถไฟฟ้า BTS อโศก ในราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท*


คอนโดติดรถไฟฟ้า เวนิโอ สุขุมวิท 10 VENIO Sukhumvit 10 คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

724
โรงงานอุตสาหกรรมฟังไว้ เสียงแบบไหนทำให้เสี่ยง “หูตึง”!!

หัวใจสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรมนอกจากเครื่องจักรแล้ว “พนักงาน” หรือบุคลากรคุมเครื่องจักร ถือได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะหากปราศจากซึ่งพวกเขาแล้ว โรงงานอุตสาหกรรมก็คงขับเคลื่อนไปไม่ได้ หรือขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง เหมือนกับรถที่ไร้คนขับ อย่างไรเสียก็ไปไม่ถึงจุดหมาย

ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรคุมเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีความสำคัญ โดยเพราะเรื่องของเสียงรบกวนและเสียงดังที่เกิดขึ้นในโรงงานนั้น นอกจากจะมีผลต่อสภาพจิตใจแล้ว หากได้รับเสียงดังเป็นระยะเวลายาวนั้นต่อเนื่อง อาจส่งผลให้หูตึงหรือสูญเสียการได้ยินได้


เสียงดังในโรงงาน

ลักษณะของเสียงที่สามารถทำให้บุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรมเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน หรือ หูตึง นั้น ได้แก่เสียงลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้


เสียงแบบไหนทำให้เสี่ยงหูตึง

1. เสียงที่มีระดับความดังตั้งแต่ 85 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ซึ่งยิ่งได้รับเสียงดังระดับนี้ยาวนานต่อเนื่องแค่ไหน บ่อยแค่ไหน ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้เสี่ยงหูตึงได้มากขึ้นเท่านั้น

2. เสียงแหลม หรือเสียงที่มีความถี่สูง จะเป็นลักษณะของเสียงที่ทำให้เรามีโอกาสสูญเสียการได้ยินมากกว่าเสียงทุ้ม หรือเสียงที่มีความถี่ต่ำ ซึ่งก็เช่นกันคือ หากได้รับเสียงแหลมบ่อยๆ นานๆ ดังๆ ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสเสี่ยงหูตึงได้มากขึ้น

3. เสียงปัง!! แบบฉับพลัน ในลักษณะเป็นเสียงกระแทก หรือเสียงระเบิด โดยเสียงดังลักษณะแบบนี้จะสามารถทำลายระบบประสาทการได้ยินของคนเราได้มากกว่าการได้ยินเสียงรบกวนแบบต่อเนื่อง คืออาจทำให้เกิดภาวะหูดับ และหนวกตึงได้เลยในทันที


ลักษณะของเสียงทั้ง 3 ดังกล่าว คือลักษณะของเสียงที่มีโอกาสทำให้บุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรม หรือคนที่อยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงเสี่ยงสูญเสียการได้ยินมากที่สุด ซึ่งนอกจากเรื่องของลักษณะเสียงแล้ว ยังมีตัวแปรสำคัญ อีก 2 ข้อ ที่จะทำให้ใครคนใดคนหนึ่งเสี่ยงสูญเสียการได้ยินมากขึ้น ซึ่งได้แก่

-    ระยะเวลาในการได้ยินเสียง โดยบุคลากรที่ได้รับเสียงยาวนานกว่า หรือมีชั่วโมงการทำงานที่ต้องอยู่กับมลภาวะทางเสียงนานกว่า จะมีโอกาสเสี่ยงสูญเสียการได้ยินได้มากกว่า
-    ความไวต่อเสียงที่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเอง โดยสำหรับคนที่มีประสาทรับเสียงที่ดีกว่า จะรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญได้ง่ายกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้ามีเสียงดังเกิดขึ้น เขาก็จะตอบสนองต่อเสียงและได้รับผลกระทบที่มากกว่า และมีโอกาสเสี่ยงหูตึงได้มากกว่านั่นเอง


สังเกตอาการอย่างไร ว่ากำลังเสี่ยงภัยหูตึงจากมลภาวะทางเสียง

เพื่อเป็นแนวทางสำหรับบุคคลที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการใช้สำหรับดูแลบุคลากรของตัวเอง สามารถสังเกตอาการผิดปกติของการได้ยินได้ จากสัญญาณเตือนที่เสี่ยงว่าเราอาจหูตึงได้ ดังนี้

-    รู้สึกยากลำบากในการได้ยินกว่าปกติ เช่นปกติคนคุยกันเข้าใจ แต่กลายเป็นฟังอยากขึ้น เข้าใจยากขึ้น
-    มีอาการเสียงดังในหู หรือมักจะเกิดอาการหูอื้อชั่วคราว โดยเฉพาะภายหลังจากการได้ยินเสียงดัง
-    ในระยะใกล้ๆ ที่ปกติเคยคุยกันได้ยิน ไม่สามารถพูดในระดับเสียงปกติได้ แต่ต้องพูดดังกว่าเดิม หรือถึงขั้นอาจต้องตะโกนคุยกัน
-    มีอาการปวดหูบ่อยๆ หูอื้อ หูวิ้ง วิงเวียนศีรษะ มึนงง ในระหว่างหรือหลังจากการได้รับเสียงดังบ่อยๆ

การควบคุมดูแลระดับของเสียงภายในโรงงานอุตสาหกรรมถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่ผู้ประกอบการต้องจัดตรียม จัดทำ และให้ความใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บุคลากร และชุมชนใกล้เคียงไม่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ในโรงงาน ทั้งนี้ แนวทางในการควบคุมเสียงของโรงงานอุตสาหกรรมก็สามารถทำได้หลากหลายตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาวาระบบการควบคุมเสียงด้วยวัสดุซับเสียง การสร้างฉากกั้นแหล่งกำเนินเสียงเพื่อลดระดับความดังของเสียง

การวางแผนวางแนวป้องกันบริเวณทางผ่านของเสียง หรือแม้กระทั่งการใช้อุปกรณ์ครอบหูสำหรับตัวบุคลากรที่ต้องทำงานใกล้แหล่งกำเนิดเสียงก็สามารถทำได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมไม่ควรมองข้ามโดดเด็ดขาด เพราะส่งผลต่อความมั่นคงในการดำเนินกิจการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว



ฉนวนกันเสียง: ประเภทของเสียงที่ทำให้เกิดอันตรายในโรงงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

725
หลากหลายธุรกิจออกมาอัปเดตเทรนด์กันทั่วหน้า รวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านต่างๆ ก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอเทรนด์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน โดยการตกแต่งบ้านในปีนี้ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับการใช้ชีวิตที่มีการปรับเปลี่ยนตามธรรมชาติ สภาพอากาศ สังคม แต่ยังคงความยั่งยืน และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้บ้านน่าอยู่ เข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้

ตกแต่งบ้านให้ทันเทรนด์


1. เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน

ไม่ว่าสไตล์บ้านจะถูกกำหนดให้ออกมาเป็นแนวทางไหน แต่แน่นอนว่าเจ้าของบ้านก็ยังต้องการความร่วมสมัยทันเทรนด์ ดังนั้นการหยิบเฟอร์นิเจอร์มาแต่งเติมบ้านจึงต้องเลือกให้เหมาะกับบ้านและมีฟังก์ชันที่บ่งบอกรสนิยม ซึ่งฟังก์ชันต่างๆ จะเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งทื่อจนเกินไป เฟอร์นิเจอร์ จึงต้องทำให้ทุกมุมของบ้านเป็นพื้นที่ใช้สอยที่เกิดประโยชน์ อย่างการเปลี่ยนแทงก์น้ำแข็งทื่อกินพื้นที่หน้าบ้าน ให้เป็นโซฟานั่งเล่นหน้าบ้านได้อย่างกลมกลืน



2. ใกล้ชิดธรรมชาติ

ในทางจิตวิทยาสีเขียวคือสีที่ทำให้สดชื่น ผ่อนคลาย การตกแต่งบ้านไม่ว่าจะผ่านไปกี่เทรนด์ก็ยังคงต้อง keep concept พื้นที่สีเขียวนี้ไว้ตลอด ก็เช่นกัน การออกแบบของบริษัทรับสร้างบ้านต่างๆ จึงวางพื้นที่สีเขียวนี้ไว้ตามมุมเล็กๆ และเลือกวัสดุที่ทำจากธรรมชาติมากขึ้น เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ ตะกร้าหวายสาน พรมที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ ไปจนถึงงานตกแต่งผ้าม่าน ประตู หน้าต่าง


3. สมาร์ตดีไซน์

เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวตั้งแต่ตื่นยันนอน จึงมักมีเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ Hardware ต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ เช่น ประตูล็อกชาญฉลาด เซ็นเซอร์จับความร้อนตัดไฟเมื่อไม่มีผู้ใช้งาน ไปจนถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ซึ่งทุกอย่างถูกควบคุมด้วยมือถือผ่านแอปพลิเคชันของแต่ละอุปกรณ์ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทรนด์มาแรงอีกเทรนด์ยังคงเป็นสมาร์ตดีไซน์


4. เพื่อสุขภาพ

เมื่อทุกอย่างรอบตัวสนับสนุนความสะดวกสบายง่ายแค่คลิก จนทำให้ร่างกายไร้การขยับ การตกแต่งบ้านจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องออกแบบให้สอดคล้องและส่งเสริมให้เจ้าของบ้านมีสุขภาพที่ดี การเสริมมุมโปรดให้มีอุปกรณ์ออกกำลังกายจึงเป็นการแทรกอุปกรณ์แกมบังคับให้ลุกขึ้นมาขยับซ้ายขวาได้ หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์เก้าอี้ที่เหมาะกับสรีระ แต่งห้องให้ปลอดโปร่งรับลมก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ห้ามทิ้งในปีนี้


5. ดีไซน์ที่ดึงดูด

ซุ้มประตูโค้งมน เป็นอีกการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุคเรเนซองส์ ให้ความรู้สึกสบายตา ผ่อนคลาย แต่ให้ความทรงพลัง จะเห็นได้จากคาเฟ่ต่างๆ ที่ออกแบบซุ้มประตูหน้าต่างโค้ง บวกกับการวางเฟอร์นิเจอร์ โซฟา ที่มีพนักพิงโค้งแบบทรงพระจันทร์เสี้ยว ให้ความรู้สึกที่ไม่ตึงเครียด


6. สีแห่งปี

ในแต่ละปีจะมีงานวิจัยต่างๆ สรุปเทรนด์สีเพื่อให้หลายๆ ธุรกิจออกผลิตภัณฑ์ทำการตลาดไปในทิศทางเดียวกัน ปีนี้ก็เช่นกัน ที่ได้มีการสรุปให้สีลาเวนเดอร์ หรือ Digital Lavender เป็นสีมาแรง เพราะสีม่วงเป็นชุดสีที่ให้อารมณ์ 2 แบบ คือ ร่าเริง และสงบ การใช้สีนี้กับบ้านจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศที่ดีได้ในเวลาเดียวกัน


7. มุมทำงานที่มีประสิทธิภาพ

แม้หลายๆ บริษัทจะยกเลิก WFH ไปแล้ว ในขณะเดียวกันในอีกหลายบริษัทก็เล็งเห็นความสะดวก ประหยัดเวลา และพลังงาน จึงยังมี WFH ควบคู่ไปด้วย การสร้างบ้านในฝันหลายบ้านจึงจัดให้มีห้องทำงานที่เหมาะสม เพื่อตอบรับการทำงานแบบ WFH หากมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทั้งนี้อาจรวมถึงการทำมุมน่ารักๆ สำหรับการเรียน Online ของเจ้าตัวน้อยด้วยเช่นกัน



ขายบ้านโคราช: แต่งบ้านทันเทรนด์! การตกแต่งภายในที่ไม่ควรพลาด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/

726
เยื่อบุหัวใจอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุผนังด้านในของหัวใจ (endocardium) ถือเป็นภาวะร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษา อาจตายได้รวดเร็ว โรคนี้พบมากในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อยได้แก่ สเตรปโตค็อกคัส และสแตฟีโลค็อกคัส
ผู้ป่วยมักจะมีความพิการของลิ้นหัวใจอยู่ก่อน เช่น ลิ้นหัวใจพิการจากโรคหัวใจรูมาติก หรือลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นต้น เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อ เช่น เชื้อเข้าร่างกายขณะถอนฟันหรือสอดใส่เครื่องมือในทางเดินหายใจหรือทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคเหงือกอักเสบ ทำแท้ง ฉีดเฮโรอีน (ด้วยเข็มไม่สะอาด) หรือติดเชื้อจากการผ่าตัด เป็นต้น เชื้อโรคก็จะผ่านกระแสเลือดเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุหัวใจและลิ้นหัวใจ ในที่สุดเชื้อโรคก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย

อาการ

มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและตามข้อ และอาจมีอาการเลือดออก เช่น มีเลือดกำเดาไหล หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว

ผู้ป่วยมักมีอาการซีด (โลหิตจาง) ซึ่งจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีภาวะหัวใจวาย อัมพาตครึ่งซีก ภาวะไตวาย ร่วมด้วย

ในรายที่เป็นชนิดเฉียบพลัน (acute bacterial endocarditis) ผู้ป่วยมักมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันทันทีและมีความรุนแรงแทรกซ้อนขึ้นรวดเร็ว มักเกิดจากการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส และมักไม่มีประวัติความพิการของลิ้นหัวใจมาก่อน

ในรายที่เป็นชนิดเรื้อรัง (subacute bacterial endocarditis) ผู้ป่วยมักมีอาการค่อยเป็นค่อยไปอย่างเรื้อรัง บางรายอาจมีไข้นานเป็นแรมเดือน ซีด และผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ มักเกิดจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าเชื้อสแตฟีโลค็อกคัส

ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้มีภาวะโลหิตจาง เลือดออกง่าย หัวใจวาย ไตวาย อัมพาต โลหิตเป็นพิษ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้
ไข้สูง ซีด มีจุดแดง (จุดเลือดออกขนาดเท่าเข็มหมุด) ขึ้นตามผิวหนัง เยื่อบุตา กระพุ้งแก้ม และที่ใต้เล็บ หัวใจเต้นเร็ว ม้ามโต ใช้เครื่องฟังตรวจหัวใจ มักได้ยินเสียงฟู่ (murmur)
แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเจาะเลือดส่งเพาะเชื้อ (hemoculture) ตรวจเอกซเรย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และถ้าจำเป็นอาจต้องทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่พบ และรักษาภาวะแทรกซ้อนที่พบร่วม เช่น ภาวะหัวใจวาย ภาวะไตวาย อัมพาต โลหิตจาง เป็นต้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น หอบเหนื่อย หรือมีไข้เรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
เมื่อตรวจพบว่าเป็น เยื่อบุหัวใจอักเสบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน  หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือโรคหัวใจรูมาติก เคยผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม หรือเคยเป็นโรคนี้มาก่อน ก่อนและหลังการถอนฟันหรือให้แพทย์ตรวจรักษาโดยการสอดใส่เครื่องมือหรือสายสวนในทางเดินหายใจ หรือทางเดินปัสสาวะ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันมิให้เกิดโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบแทรกซ้อน

ข้อแนะนำ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือโรคหัวใจรูมาติก หรือเคยผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ หากมีไข้สูง หนาวสั่น หรือเป็นไข้เรื้อรัง ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว ซึ่งหากได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ มีโอกาสหายได้


ข้อมูลโรค: เยื่อบุหัวใจอักเสบ (Bacterial endocarditis)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions


727
หลายคนลดน้ำหนักด้วยวิธีงดข้าว แล้วกินเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว อาจมีเสริมเวย์โปรตีนเพิ่มด้วย แต่ระวังเสี่ยงภาวะ “โปรตีนรั่วในปัสสาวะ” และอาจเสี่ยงโรคไตเรื้อรังได้

สูตรลดน้ำหนักของหลายๆ คน มักเริ่มจากการงดแป้ง และรับประทานโปรตีนเพิ่มเพื่อให้อยู่ท้อง และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมด้วย แม้ว่าวิธีนี้ฟังดูจะถูกต้อง และไม่น่าก่อให้เกิดอันตรายใดๆ กับร่างกาย แต่ในบางคนที่ใช้วิธีสุดโต่งมากเกินไป รวมถึงเข้าคอร์สลดน้ำหนักจากผู้ที่ไม่ใช่นักกำหนดอาหาร หรือนักโภชนาการที่แท้จริง อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้


ภาวะโปรตีนมากเกินไป

การรับประทานโปรตีนมากเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจมาจากการรับประทานเนื้อสัตว์ นม เวย์โปรตีน และอาหารอื่นๆ เสี่ยงภาวะโปรตีนมากเกินไป ส่งผลให้ตับและไตต้องทำงานหนักเพื่อขับเอาโปรตีนส่วนเกินออกจากร่างกาย อาจเสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรด ตับและไตเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม แล้วจะเริ่มขับโปรตีนส่วนเกินออกจากร่างกายไม่ทัน โปรตีนอาจถูกส่งกลับไปที่ลำไส้ใหญ่ และถูกแบคทีเรียเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นแอมโมเนีย และถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะซึม ชัก หมดสติ สมองเสื่อม หรือตับ/ไตเสื่อม ตัว/ตาเหลือง หรือเป็นดีซ่านได้


นอกจากนี้ยังเสี่ยงภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ สัญญาณที่แสดงถึงโรคไตอักเสบ นำไปสู่ภาวะไตวายในอนาคตได้อีกด้วย


ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมต่อร่างกาย

หากอยากควบคุมอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก ยังควรต้องจำกัดอาหารที่กินให้ได้ 5 หมู่ต่อ 1 มื้อ ไม่กินแต่สารอาหารใดสารอาหารหนึ่งมากเกินไป แบ่งสัดส่วนของอาหารหนึ่งจานให้มีโปรตีน 30% คาร์โบไฮเดรต 20% เกลือแร่ 20% วิตามิน 20% และไขมัน (ดี) 10% คิดง่ายๆ คือเน้นโปรตีนไขมันน้อยมากที่สุด แต่ก็ยังต้องกินควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนด้วย

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสม และปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว แนะนำการคำนวณได้คร่าวๆ ให้กินโปรตีน 2 กรัม ต่อน้ำหนักตัวเรา (กิโลกรัม) ต่อวัน เช่น น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ไม่ควรกินโปรตีนเกิน 120 กรัมต่อวัน (ุ60x2) เป็นต้น


วิธีกินเวย์โปรตีนเสริมกล้ามให้ปลอดภัย

สำหรับคุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิงท่านไหนที่ออกกำลังกายหนักเพราะอยากเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อยากได้กล้ามเนื้อสวยๆ สามารถรับประทานเวย์โปรตีนเสริมได้ แต่ควรรับประทานก่อนออกกำลังกาย และรับประทานในสัดส่วนที่ระบุเอาไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด อย่ากำหนดสัดส่วนเอาเอง และรักษาสมดุลในการทานโปรตีนในแต่ละวันให้ดี อย่ารับประทานแต่เวย์โปรตีน อกไก่ หรือไข่ขาวจนทานอาหารประเภทอื่นไม่เพียงพอ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ นักโภชนาการ หรือนักกำหนดอาหารมืออาชีพจะดีที่สุด


แม้จะลดน้ำหนัก ก็ต้องกินคาร์โบไฮเดรต

ไม่ใช่ว่าอยากลดน้ำหนักแล้วจะหักดิบไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลยแม้แต่น้อย (นอกเสียจากว่าคุณจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการกินแบบคีโตเจนิก) แต่ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นั่นคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (แป้งไม่ขัดขาว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังธัญพืช (โฮลวีต) เมล็ดพืช ธัญพืช เผือก มัน ฯลฯ) และหลีกเลี่ยง หรือลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (พวกแป้งขัดขาว ข้าวขาว ขนมปังขาว น้ำตาล หรือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผ่านการแปรรูป) ให้ได้มากที่สุด

"งดแป้ง-อัดโปรตีน" ความเชื่อผิดๆ ในการลดน้ำหนัก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

728
Marketing Funnel คืออะไร?

    Marketing Funnel โดยรวมๆ คือ ช่องทางการซื้อของลูกค้า หรือเส้นทางการซื้อของลูกค้า ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์รูปแบบการทำการตลาดของธุรกิจ และสามารถนำไปปรับปรุงแผนการตลาดที่ทำอยู่ได้เช่นกัน
    นักการตลาดหลายคนอาจจะคุ้นชินกับคำว่า Marketing Funnel แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้เราจึงมาสรุปข้อมูลและกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ Marketing Funnel ให้ได้เข้าใจมากขึ้น ถือเป็นการตลาดฉบับพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อนักการตลาดมือใหม่ที่จะนำข้อมูลไปปรับใช้หรือไปวิเคราะห์เพื่อทำการตลาดในธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้


กลยุทธ์ในแต่ละขั้นของหลักการตลาดออนไลน์

แน่นอนว่าเส้นทางการตลาดหรือ Marketing Funnel นี้เป็นการมองภาพในแต่ละส่วนเป็นขั้นๆไป ซึ่งมีประมาณ 5 ขั้นที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ แต่การทำงานของ Funnel โดยรวมต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าทุกส่วนต้องทำงานอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อให้เส้นทางการซื้อของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและตรงตามเป้าหมาย ดังนี้


1. การสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้า (Awareness) คือ การทำให้แบรนด์สินค้าหรือบริการของแบรนด์เราให้เป็นที่รู้จัก โดยการนำเสนอสิ่งที่ดีมีประโยชน์ตรงต่อความต้องการของลูกค้า
       
กลยุทธ์เบื้องต้นในขั้นนี้
            Content Marketing: พูดง่ายๆคือการสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ให้กับผู้อ่าน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเป็นลูกค้าของธุรกิจ (อ่านเพิ่มเติม Content Marketing ตัวช่วยของธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้)
            Social Media Marketing: การทำโฆษณาออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter เป็นต้น ช่วยสร้างลูกค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น หรืออาจจะทำโฆษณาออนไลน์ผ่าน Google Ads ที่เป็น Search Engine ก็ได้เช่นกัน
   

2. การพิจารณาเลือกซื้อ (Consideration) คือ ขั้นของการพิจารณาของลูกค้าที่เกิดจากการรับรู้ของแบรนด์และเกิดความสนใจในตัวสินค้าหรือบริการของเรา โดยการพิจารณาของลูกค้านี้ อาจจะมีการหาข้อมูล ความน่าเชื่อถือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา พูดอย่างง่ายๆคือ เกิดการหาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ เช่น ค้นหาใน Google ว่าแบรนด์นี้เป็นอย่างไรบ้าง, หารีวิวเพิ่มเติม เป็นต้น
       
กลยุทธ์เบื้องต้นในขั้นนี้
            เว็บไซต์: แน่นอนว่าเว็บไซต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ เบื้องต้นควรมีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ดี ปรับให้ Mobile Friendly สำหรับการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น รวมถึงมีคอนเทนต์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่านหรือลูกค้า
            Facebook Page: เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มช่องทางการตลาดฝั่ง Social Media เพราะนอกจากจะช่วยให้คนสามารถติดตามได้ ยังสามารถสร้างคอนเทนต์และใช้ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อีกด้วย
            Line Official Account หรือ Line@ สำหรับให้ลูกค้าติดต่อสอบถามข้อมูล เพื่อใช้ในการตัดสินใจซื้อ หรือเพื่อซื้อโดยตรงก็ได้
   

3. การตัดสินใจซื้อ (Conversion) ขั้นนี้คือผลของการสร้างการรับรู้และการพิจารณาเลือกซื้อข้างต้น ซึ่งทำให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจเกิดการตัดสินใจซื้อจริงไปแล้ว กลยุทธ์ในขั้นนี้ถือเป็นการดีที่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจในตัวลูกค้าและแนะนำสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ให้ลูกค้านั่นเอง
   

4. การสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเกิดความภักดี (Loyalty) ต่อแบรนด์ กลยุทธ์ในขั้นนี้ คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่าและลูกค้าปัจจุบัน เพื่อเกิดการซื้อซ้ำ ซื้ออีก คิดแบบง่ายๆคือการให้โปรโมชั่นแก่ลูกค้าเก่า ไม่ว่าจะเป็นลด-แลก-แจก-แถม ซึ่งในส่วนนี้หลายคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญเท่ากับการหาลูกค้าใหม่ แต่อย่าลืมว่าลูกค้าเก่าหรือผู้ที่ซื้อไปแล้ว สามารถสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ได้มากกว่าในขึ้นต่อไป
   

5. การทำให้ลูกค้าเกิดการสนับสนุนแบรนด์ (Advocacy) พูดง่ายๆว่า เป็นสาวก หรือแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้จะทำให้เกิดการบอกต่อ ปากต่อปาก หรือแนะนำสินค้าของแบรนด์ต่อไป เป็นส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น เกิดการรีวิวบอกต่อในตัวสินค้าหรือบริการของเรา ซึ่งขั้นนี้ควรใช้กลยุทธ์การโปรโมท อาจจะมีแคมเปญให้ลูกค้าที่รีวิวสินค้า ได้รับคูปองส่วนลดในการซื้อครั้งถัดไป เป็นต้น โดยนักการตลาดหลายคนอาจจะใช้วิธีการนำเอา Online Influencer มารีวิว แต่ควรคำนึงถึงการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ด้วยเช่นกัน


กลยุทธ์ในแต่ละขั้นของหลักการตลาดออนไลน์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

729
ก่อนจัดงานเลี้ยง ไม่ว่าจะงานแต่งงาน หรืองานปาร์ตี้สังสรรค์ นอกจากคิดธีมงานให้เก๋ เข้าไว้แล้ว มาดูสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนจัดงานกันดีกว่าค่ะ


1.ตกแต่งสถานที่ต้องสวยดูดีตามธีม

ยุคนี้เป็นยุคของการครีเอทีฟ คงไม่มีใครอยากไปงานเลี้ยงที่มีแค่แบ็คดร็อปให้ยืนถ่ายรูปอย่างเดียวอีกต่อไป ซึ่งสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แค่ดอกไม้มาประดับ แต่ต้องเพิ่มลูกเล่น เพิ่มกิมมิคเล็กๆน้อยๆ เช่นลูกโป่ง ลูกบอล ผ้า ฯ ลงไปให้เข้ากับธีมงาน เพื่อให้แขกในงานงานได้เพลิดเพลินและดื่มด่ำบรรยากาศสวยๆ ทีนี้ก็อยู่เราหรือออร์แกไนซ์ที่หามาแล้วว่าจะสามารถเนรมิตรห้องธรรมดา ให้เป็นงานเลี้ยงอย่างที่ใจต้องการได้หรือไม่


2.พร็อพต้องพร้อม

มีพร็อพให้แขกในงานถือขณะถ่ายรูป เป็นของที่ขาดไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นตัวสร้างสีสันให้แขกสนุกกับการถ่ายรูปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นป้ายคำพูดฮาๆ แว่นตา หนวด ป้ายไฟและอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ธีมงาน


3.แสงสีต้องได้

แสงในห้องจัดงานเป็นตัวคุมโทนสำคัญของงาน ส่วนมากงานเลี้ยงงานแต่งงาน หรือสังสรรค์ทั่วไปจะใส่ไฟสีวอร์มไวท์ แสงโทนอุ่นช่วยให้งานดูหรูและดูดี ถ่ายรูปออกมาจะสวยใสเลยทีเดียว หรือจะย้อมสีห้องด้วยไฟสีต่างๆ ก็สวยไปอีกแบบ ถ้าเป็นปาร์ตี้งานเลี้ยงสังสรรค์แบบสุดเหวี่ยง จำลองผับขนาดย่อมๆ อาจใช้ไฟสีสัน ไฟกระพริบมาช่วยให้งานดูสนุกขึ้น อย่าลืมจัดไฟตามธีมงานอย่าให้หลุดธีม


4.เสียงดนตรีต้องเพราะหู

ดนตรีภายในงาน เป็นตัวกำหนดบรรยากาศในงาน ซึ่งสำคัญต่ออารมณ์ของแขกในงานมากๆ วงดนตรีงานเลี้ยง หรือวงดนตรีงานแต่งที่ดีจะต้องเอนเตอร์เทนแขกให้อยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นดนตรีหวานซึ้งในงานแต่งงาน ก็ต้องฟังเพราะ ฟังเพลิน อินไปกับบ่าวสาว หรือถ้าเป็นงานปาร์ตี้ ถ้าดนตรีเล่นไม่ดี แขกก็ไม่อิน ไม่สนุก พาลจะไม่อยากออกไปเต้นไปโยกแน่นอน จะกลายเป็นว่าแขกอยู่ไมถึงงานเลิกนั่นเอง และที่สำคัญไม่แพ้กันคือระบบเสียง ตั้งมั่นใจว่าไมค์ไม่หอน ลำโพงไม่ดับ ซึ่งต้องเช็คความพร้อมของอุปกรณ์ที่สถานที่จัดงานด้วย



5.อาหารและเครื่องดื่มถูกปาก

แขกบางรายแต่งตัวจนลืมทานข้าวก่อนเข้างาน ถ้ารสชาติอาหารไม่อร่อย อาหารเย็นชืด ไม่สดใหม่ ก็คงรู้สึกเฟลน่าดู ก่อนจัดงานอย่าลืมนัดชิมอาหารก่อนจะช่วยให้ตัดสินใจเรื่องอาหารได้มากขึ้น และยิ่งสมัยนี้อาหารอร่อยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีศิลปะในการจัดจานให้สวยดูดี ให้คนได้ถ่ายรูปลงโซเชียล ซึ่งถ้าจัดงานแบบค๊อกเทลก็ตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดีค่ะ หากแขกจำนวนเยอะ จะนิยมจัดแบบโต๊ะจีนหรือบุฟเฟ่ต์ ส่วนเครื่องดื่ม ขึ้นชื่อว่างานเลี้ยงก็ต้องจัดเตรียมแอลกอฮอล์ให้สายเฮ้ว สายเมาได้ชนแก้วกันหน่อย จะได้เต้นได้สนุกยิ่งขึ้น



6.กิจกรรมภายในงาน

ถ้าเป็นงานแต่งงานอาจไม่ต้องมีกิจกรรมอะไร แต่ถ้าเป็นช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ หรืองานเลี้ยงปาร์ตี้สังสรรค์ทั่วไปละก็ กิจกรรมจะเป็นจุดเด่น ให้ทุกคนอยากมาร่วมงานมากขึ้น เช่น ประกวดชุดเป๊ะปังเวอร์ จับรางวัล เชิญแขกให้ขึ้นไปร้องเพลง หรือจะเป็นโชว์การแสดงของแขกในงานก็ได้ค่ะ ซึ่งพิธีกรและนักดนตรีต้องเอนเตอร์เทนคนดูให้ได้ด้วยค่ะ


7. ติด # แฮชแท็กเก๋ๆ ลง Social

ปาร์ตี้ในยุคดิจิทัลห้ามลืมติด # เก๋ๆ เด็ดขาด อาจตั้งชื่อง่ายๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นชื่องานตามด้วยชื่อธีมตามด้วยปี ซึ่งเมื่อใครอัพรูปลงโซเชียลมีเดีย เพียงกดไปที่ # นั้นๆ ก็จะเจอรูปของแขกทุกคนที่อัพรูปลงโซเชียลแล้วค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นการเก็บความทรงจำที่ดี ที่เมื่อได้ดูภาพแล้วต้องอยากมาเอ็นจอยปาร์ตี้ร่วมกันอีกแน่นอน



8.เพิ่มกิมมิค เพิ่มลูกเล่นให้หน้างาน

สมัยก่อน เรามักถ่ายรูปตรงแบ็คดร็อปก่อนเข้างาน แล้วจบ รอดูรูปเป็นอัลบัม แต่สมัยนี้ภายในงานเพิ่มลูกเล่นให้แขกได้ Enjoy กับงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นถ่ายรูปแล้วปริ๊นท์เป็นแม่เหล็กติดตู้เย็น, ถ่ายรูปไฟล์ .GIF อัพโหลดลงบนโซเชียล,ถ่ายรูปลง IG ใส่ # แล้วปริ๊นท์หน้างานทันที หรือถ่ายรูปแล้วใช้ปากกาเขียนข้อความบนภาพ ซึ่งนับว่ายุคนี้เป็นยุคที่มีพร้อมทุกอย่างจริงๆ ค่ะ


9.เชิญแขกในงานให้พร้อม

เมื่อเตรียมองค์ประกอบทุกอย่างครบแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแขกในงาน จะดีที่สุดเมื่อทุกคนได้มางานปาร์ตี้แบบพร้อมใจกัน ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อนสนิท หรือคนสนิท ได้กอดคอกันถ่ายรูป กอดคอกันร้องเพลง เต้น และได้หัวเราะไปพร้อมกัน ได้ทั้งมิตรภาพและกระชับความสัมพันธ์ เป็นโมเม้นต์ที่หาไม่ได้บ่อยๆ แต่ความสุขจะประทับอยู่ในใจอีกนาน



จัดเลี้ยงนอกสถานที่: ต้องเตรียมก่อนจัดปาร์ตี้ ให้งานออกมาดูดี โดดเด่น ประทับใจ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

730
ในเรื่องของการรับประทานอาหาร สำหรับเด็ก ถือว่าเป้นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะสารอาหารที่เด็กได้รับนั้น ส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ดังน้ันควรเลือกอาหารให้ลูกอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วย แต่ถ้าหากเราพุดเรื่องของอาหารหรือโภชนาการของเด็กแล้ว แน่นอนว่า เรื่องอาหารนั้น ย่อมมีผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันโดยตรง เพราะในการบดเคี้ยวอาหาร


จะต้องใช้ช่องปากและฟันในการบดเคี้ยวอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร และยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเด็กด้วย แต่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ก็ต้องเอาใจใส่ด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องสุขอนามัยของลูกถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง พ่อแม่ผู้ปกครองอย่าคิดว่า ฟันน้ำนมของลูกไม่มีความสำคัญ เพราะฟันน้ำนมถือว่าเป็นรากฐานของการขึ้นของฟันแท้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม

ถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ควรที่จะพาเด็กเข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้รีบแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้เด็กเกิดปัญหาฟันลุกลามได้ และเมื่อเติบโตไปก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาฟัน และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจด้วย
 
แต่ในการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เชื่อว่า พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะมีความกังวล ว่าถ้าหากบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว ในเรื่องของการรับประทานอาหารจะมีผลอย่างไรบ้างต่อเครื่องมือการจัดฟันในเด็กที่ติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งพ่อแม่หลายคนเป้นกังวล เพราะบุตรหลานอาจจะมีพฤติกรรมรับประทานอาหารได้ยาก กังวลว่าถ้ายิ่งเข้ารับการจัดฟัน อาจจะทำให้เด็กยิ่งรับประทานอาหารยากมากยิ่งขึ้น


และจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเด็ก ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการรับประทานอาหารกับเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก จะจะมีผลต่อการจัดฟันในเด้กอย่างไรบ้าง ซึ่งในเรื่องของการรับประทานอาหาร ผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคนคิดว่าการับประทานอาหารนั้น เป็นอุปสรรคเนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปากอาจจะทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ไม่สะดวก ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้เข้ารับการจัดฟันต้องเจอ


เป็นเรื่องปกติ แต่ที่สำคัญก็คือ เราจะต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม เช่นเดียวกันกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ก็ต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนิ่ม เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการรับประทานอาหาร ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะคอยดูแลในเรื่องของอาหาร ลดรับประทานลูกอมหรือของหวาน แต่ถ้าหากรับประทานก็ต้องแปรงฟันให้สะอาด เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุและปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้านอื่นๆด้วย

อย่างไรก็ตาม ตัวเด็กเองก็ต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมมีวินัยในการรับประทานอาหารด้วย ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เด็กจะต้องให้ความร่วมมือกันทันตแพทย์ในการปฏิบัติตัวและการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันด้วย ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด


เพื่อให้ผลการรักษาในการจัดฟันในเด็กนั้นมีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะถ้าเด็กไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาและไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ก็อาจจะทำให้การจัดฟันไม่ได้ผลและอาจจะต้องเข้ารับการจัดฟันซ้ำในอนาคตได้
 
หากใครสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันทุกรูปแบบ รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง


ไม่เกิดฟันผุ มีโครงสร้างของใบหน้าที่ปกติ ทำให้เด็กมีความมั่นใจ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น เพราะทางเราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก อยากให้เด็กได้มีฟันที่แข็งแรง เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย


อาหารกับเครื่องมือการจัดฟันเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

หน้า: 1 ... 71 72 [73] 74 75 ... 82
โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google