แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 75 76 [77] 78 79 ... 108
761
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



762
มื่อร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้นนั่นอาจหมายถึงความเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่เพิ่มขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า การปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารเป็นตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญในการลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีให้มากขึ้น ในบทความนี้ได้รวบรวมอาหารลดคอเลสเตอรอลมาให้ศึกษากัน

หลายคนอาจไม่รู้ว่าคอเลสเตอรอลแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ที่เป็นตัวการหนึ่งในการก่อโรคหลอเลือดและหัวใจ อย่างภาวะหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหลอดเลือดแดงตีบ เนื่องจากคอเลสเตอรอลชนิดนี้จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือดและทำให้เกิดการอุดตันได้ ขณะที่คอเลสเตอรอลอีกชนิดเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยจะไปลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในหลอดเลือด จึงอาจทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจลดลง     


8 อาหารลดคอเลสเตอรอลหาทานง่าย

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า หากปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารก็อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี แถมยังส่งผลดีต่อสุขภาพหลอดเลือดและหัวใจด้วย ซึ่งตัวอย่างอาหารลดคอเลสเตอรอล ได้แก่


1. อโวคาโด

อะโวคาโดอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือไขมันดีและใยอาหาร โดยมีงานวิจัยชี้ว่าอะโวคาโดอาจช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ฉะนั้น คุณอาจลองเพิ่มอโวคาโดในเมนูโปรดในมื้อถัดไปดู โดยอาจเลือกรับประทานเป็นอาหารทานเล่น กินเคียงกับอาหารจานหลัก สลัดผัก หรือแซนวิชก็ย่อมได้


2. กระเทียม

แม้กระเทียมจะเป็นพืชที่นิยมนำมาประกอบอาหารกันแทบทุกครัวเรือน แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่ากระเทียมนั้นมีสารอาหารที่สำคัญ โดยเฉพาะสารอัลลิซิน (Allicin) ซึ่งอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้เล็กน้อย รวมทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอื่น ๆ ด้วย


3. ธัญพืช

ธัญพืชอาจลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ไม่น้อย โดยเฉพาะข้าวโอ๊ตและข้าวบาร์เลย์ เพราะอัดแน่นไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ อย่างสารเบต้ากลูแคนอัน (Beta-Glucan) ที่มีส่วนช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีนั่นเอง   


4. ปลาที่มีกรดไขมันดี

ปลาหลายชนิดอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาแมคเคอเรล เป็นต้น ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ โดยอาจช่วยลดระดับไตรกีเซอไรด์ ลดความดันโลหิต เพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดีให้มากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ ควรเลือกวิธีปรุงอาหารด้วยการอบหรือการย่างแทนการทอด เพื่อลดการใช้น้ำมันที่อาจเป็นตัวเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี


5. โกโก้

ขึ้นชื่อว่าของหวานก็อาจดูไม่ดีต่อสุขภาพนัก แต่แท้จริงแล้ว โกโก้และของกินเล่นที่มีส่วนผสมหลักจากโกโก้ อย่างดาร์ก ช็อกโกแลต จะมีสารฟลาโวนอยด์ที่อาจช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี รวมถึงเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานโกโก้อย่างพอดีและเลือกรับประทานชนิดที่ปราศจากน้ำตาลหรือครีม ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแทน


6. ชา

การดื่มชาอย่างนับเป็นอีกวิธีที่อาจช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาดำ หรือชาขาว เนื่องจากในใบชาประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารคาเทชิน (Catechins) และสารเควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งมีการศึกษาพบว่าสารเหล่านี้อาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ


7. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

น้ำมันมะกอกมีสารอาหารที่สำคัญ อย่างกรดไขมันดี ที่อาจช่วยเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดีและลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี นอกจากนี้ ยังมีสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้อีกทางด้วย


8. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในพืชตระกูลถั่วที่ส่งผลดีสุขภาพหัวใจ อีกทั้งผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อย่างเต้าหู้ น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ยังอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช ซึ่งนอกจากไม่มีคอเลสเตอรอลแล้ว ยังอาจช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดีให้มากขึ้น


นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างพอเหมาะ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จำเป็นต่อการสร้างสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำ การพักผ่อนให้เพียงพอ การงดสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีได้

อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารบางชนิดอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้บริโภคบางคน หากใครยังคงมีระดับคอเลสเตอรอลสูงหลังจากปรับพฤติกรรมไปแล้ว อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการดูแลตนเองควบคู่ไปกับการรับประทานยาลดคอเลสเตอรอล



อาหารสุขภาพ ลดคอเลสเตอรอล สุขภาพที่มาพร้อมความอร่อย  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

763
คุณแม่ให้นมบุตรอาจมีข้อสงสัยว่าในระยะให้นมบุตรนี้มีความจำเป็นต้องจำกัดอาหาร หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มการรับประทานอาหารอย่างไรเพื่อให้น้ำนมมีคุณภาพดีและเหมาะสมต่อทารก ข้อสำคัญที่สุดคือ คุณแม่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพียงพอและเหมาะสมต่อความต้องการของร่างกายเพื่อให้ร่างกายนำมาใช้ผลิตเป็นน้ำนม ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารอย่างหลากหลายและมีสารอาหารครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญทำให้ได้คุณภาพของน้ำนมที่ดี
 
ปริมาณอาหารที่ควรรับประทานในแต่ละวัน
ในการผลิตน้ำนม ร่างกายต้องใช้พลังงานประมาณ 20 กิโลแคลอรีเพื่อผลิตน้ำนม 30 มิลลิลิตร ดังนั้นร่างกายจึงต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อยวันละ 500 กิโลแคลอรีเพื่อสร้างน้ำนมอย่างเพียงพอ (เฉลี่ย 750 มิลลิลิตรต่อวัน)

 
หมายเหตุ
* 1 ส่วนของผลไม้ เช่น กล้วยน้ำว้า 1 ผล เงาะ 3-4 ผล มังคุด 3-4 ผล ฝรั่งกิมจู ½ ผล เป็นต้น
** 1 ส่วนของไขมัน = น้ำมันทุกชนิด 1 ช้อนชา เนย ½ ช้อนชา ถั่วลิสง 10 เมล็ด เป็นต้น
ควรเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย ชีส น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว
 
กรณีที่น้ำหนักหลังคลอดค่อนข้างมากอาจไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณอาหารที่รับประทาน เนื่องจากร่างกายนั้นสามารถดึงพลังงานและสารอาหารที่สะสมไว้ไปใช้ได้ก่อน ในกรณีนี้หญิงให้นมสามารถรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมได้ และหลังจาก 6 เดือนเป็นต้นไป หากมีความต้องการจะลดน้ำหนักจึงค่อยเริ่มจำกัดปริมาณและชนิดของอาหารรวมถึงพลังงานที่ได้


เทคนิคการเลือกรับประทานอาหารและการปฏิบัติตนสำหรับคุณแม่ระยะให้นมบุตร


1.    รับประทานอาหารที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์มากขึ้น

โปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของในน้ำนม ส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อส่งผ่านไปยังลูกได้ การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนครบถ้วนและหลากหลาย เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ และเนื้อปลา เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ช้อนกินข้าวต่อมื้อ หรือเทียบเท่ากับไข่ไก่ 1 ฟองต่อมื้อ หรือดื่มนมประมาณ 3 แก้วต่อวัน

นอกจากนี้ การรับประทานปลาทะเลประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์จะทำให้ได้รับกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 และ DHA เพิ่มขึ้นซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาทางสมองและระบบประสาทของทารก ทั้งนี้ควรรับประทานปลาทะเลอย่างหลากหลาย เช่น ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาทู ปลาแซลมอน ปลากะพง ปลาจะละเม็ดขาว ปลานิล เป็นต้น ไม่ควรรับประทานปลาชนิดเดิมทุกวันหรือปลาขนาดใหญ่ เช่น ปลาฉลาม ปลาฉนาก ปลาอินทรีย์ เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของโลหะหนัก เช่น ปรอท ได้
 

2.    รับประทานผักและผลไม้ทุกมื้อ

ผักและผลไม้หลากสีเป็นแหล่งของใยอาหาร วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนควรรับประทานผักและผลไม้อย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน
 

3.    เลือกรับประทานอาหารกลุ่มข้าว-แป้งที่ขัดสีน้อยหรือไม่ขัดสี

อาหารกลุ่มข้าว-แป้งที่ขัดสีน้อยหรือไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และธัญพืชชนิดต่างๆ เนื่องจากมีใยอาหารสูงช่วยลดการท้องผูก
 

4.    ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ

การให้นมบุตรนั้นจะทำให้กระหายน้ำบ่อยขึ้น ควรดื่มน้ำวันละ 13-16 แก้วต่อวัน หรือดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ทุกครั้งหลังการให้นมบุตร โดยปกติน้ำนมจะมีพลังงานและปริมาณน้ำเพียงพอต่อทารกอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ทารกจิบน้ำเปล่าหลังการให้นม
 

5.    เน้นอาหารปรุงสุก สะอาด สดใหม่

การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด สดใหม่ ทำให้ลดโอกาสการได้รับสารพิษจากแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบและอาหารค้างคืนในระยะให้นมบุตรอีกด้วย งดการสูบบุหรี่เนื่องจากการสูบบุหรี่จะมีผลให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ลดลง ปริมาณวิตามินซีในน้ำนมลดลง อีกทั้งเป็นการทำลายปอดของทารก ดังนั้นหญิงให้นมและบุคคลที่อยุ่ใกล้ชิดทารกควรงดการสูบบุหรี่
 

6.    อาหารมังสวิรัติ

หากรับประทานมังสวิรัติชนิดที่ไม่รับประทานนมและไข่ คุณแม่ระยะให้นมบุตรควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย เช่น ข้าว คีนัว เต้าหู้ เมล็ดถั่ว และถั่วเปลือกแข็ง เพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน เลือกรับประทานผักใบเขียวที่เป็นแหล่งของแคลเซียม เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักกวางตุ้ง บรอกโคลี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีการเสริมแร่ธาตุชนิดต่างๆ เช่น แคลเซียม วิตามินดี ธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินบี 12 เพื่อป้องกันภาวะขาดวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทในทารกด้วย
 

เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน

ไม่แนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงระยะการให้นมบุตร ในกรณีมีความจำเป็นต้องดื่มควรงดการให้นมบุตรประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 แก้ว และกรณีที่หญิงให้นมดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมา แนะนำให้บีบน้ำนมบางส่วนทิ้งไปก่อนและควรรอให้ร่างกายกลับมามีสติครบถ้วนดีก่อนเริ่มการให้นมบุตรอีกครั้ง

คาเฟอีน สารคาเฟอีนในเครื่องดื่ม อาทิ กาแฟ ชา โกโก้และช็อกโกแลต สามารถปะปนไปกับน้ำนมได้ ปริมาณคาเฟอีนเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อการหลับและการทำงานของหัวใจทารกได้ เนื่องจากร่างกายของทารกนั้นมีความไวต่อสารคาเฟอีนมากกว่าผู้ใหญ่
 
อาหารที่หญิงให้นมบุตรรับประทานมีผลต่ออาการแพ้อาหารของทารกหรือไม่
หากสังเกตว่าทารกมีอาการแพ้อาหาร เช่น มีเสมหะเขียวข้น อาการกระสับกระส่าย ผื่น ถ่ายอุจจาระปนเลือดหรืออาเจียน แนะนำให้นำทารกมาพบแพทย์ และควรลองหยุดผลิตภัณฑ์อาหารที่อาจมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดการแพ้ประมาณ 1 สัปดาห์ และสังเกตอาการของทารกว่าแตกต่างจากเดิมหรือไม่

อาหารที่มีแนวโน้มว่าก่อให้เกิดการแพ้ได้ เช่น นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วลิสง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ข้าวสาลี ไข่ไก่ และข้าวโพด หญิงให้นมบุตรควรจดบันทึกอาหารและเครื่องดื่มทุกอย่างที่รับประทาน และบันทึกอาการของทารกหลังการให้นม เพื่อประเมินว่าอาหารชนิดใดที่ก่อให้เกิดการแพ้ในทารก

อาหารสุขภาพ สำหรับคุณแม่ให้นมบุตร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

764
ช่วงเทศกาลต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งวันเงินเดือนออก หลายๆ คนมักจะนัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือคนที่คุณรัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกินดื่มจะต้องเข้ามาเป็นกิจกรรมหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนบางครั้ง ด้วยความเพลิดเพลินและสุขใจ ทำให้เราเผลอรับประทานเกินจากที่ร่างกายต้องการไปบ้าง ทั้งอาหารไขมันสูง เค้กครีมสดสีสันสดใสน่ารับประทาน หรือแม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เหล่านักดื่มโปรดปราน ทำให้อาจเกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาได้ จะดีกว่าไหม หากเรามีทางเลือกของสิ่งที่เรารับประทาน พร้อมๆ กับยังได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขไปด้วยได้


อาหารเพื่อสุขภาพ เปลี่ยนจากอาหารทั่วไป มาเป็นอาหารทางเลือก

1. โปรตีนจากพืช (Plant-based Meats)

ปกติแล้วโปรตีนนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะโปรตีนที่มีไขมันน้อย เนื่องจากให้พลังงานสูง ไขมันต่ำ ช่วยให้อิ่มเร็วและนานขึ้น จึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ตัวอย่างของอาหารจำพวกโปรตีน เช่น อกไก่ เนื้อหมูสันใน หรือเนื้อวัว อาจทานในรูปแบบสเต๊ก หรือเอามาทำอาหารในรูปแบบอื่นๆ ได้เช่นกัน 

   
เนื้อสัตว์จากพืช หรือ Plant-based meat คืออะไร

    ในปัจจุบันนั้น มีตัวเลือกของอาหารมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือเนื้อสัตว์จากพืช หรือ Plant-based meat ที่นอกจากให้ผลลัพธ์เชิงบวกในด้านสุขภาพแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย เนื้อสัตว์จากพืชนั้นทำมาจากพืชประมาณ 95% โดยหลักแล้วเป็นวัตถุดิบจำพวกถั่วและบีทรูท

    นอกจากนั้นคืออาหารจำพวกเห็ด สาหร่าย เครื่องเทศและอื่นๆ แล้วนำมาแปรรูปให้มีรสชาติและผิวสัมผัสใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์มากที่สุด โปรตีนจากพืชถือเป็นโปรตีนทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์แต่ยังอยากได้รับสารอาหารประเภทโปรตีนอยู่ สามารถรับประทานโปรตีนจากพืชโดยนำมาประกอบอาหารได้เสมือนเนื้อสัตว์จริง เช่น เนื้อบด/หมูบดจากพืช หมูกรอบจากพืช หรือแม้แต่เนื้อเบอร์เกอร์ เป็นต้น

    ประกอบกับการใช้น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันคาโนล่า น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะกอก ในการประกอบอาหาร ทำให้ได้เนื้อสัมผัส รสชาติ และความอร่อยที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงๆ

    นอกจากจะเหมาะกับคนรักสุขภาพแล้ว ยังเหมาะกับผู้ป่วยหรือผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกายด้วยเช่นกัน เนื่องจากทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างเต็มที่และสามารถเพิ่มสมรรถนะของร่างกายได้ อีกทั้งยังไม่มีคลอเรสเตอรอล จึงเหมาะกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภทที่ 2 หรือโรคอ้วนได้ รวมถึงยังเหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายและต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเนื่องจากได้รับโปรตีนสูงและไขมันต่ำกว่าการรับประทานเนื้อสัตว์จริงๆ


2. ขนมหวานและเบเกอรี่ เพื่อสุขภาพ

ขนมหวานและเบเกอรี่อย่าง เค้ก คุกกี้ โดนัท นั้นให้พลังงานสูง เค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสด 1 ชิ้น ให้พลังงานสูงถึง 420 กิโลแคลอรี่ หากกินหนึ่งก้อน ต้องวิ่งเหยาะๆ ราว 7 กิโลเมตร (ค่าที่ได้อาจแตกต่างกันไปตามความเร็วในการวิ่งหรือน้ำหนักตัว) แต่ถ้าเราสามารถเปลี่ยนจากเค้กแบบเดิมๆ ที่เน้นนมเนยเป็นหลัก มาเป็นเค้กรูปแบบอื่น เช่น เค้กไร้แป้ง หรือเค้กคีโต น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากมีคุณประโยชน์มากกว่า ถึงจะมีพลังงานเท่าๆ กันแต่ก็ไม่ได้เป็นอาหารที่ให้พลังงานว่างเปล่า หรือ empty calories และยังอยู่ท้องมากกว่าเนื่องจากทำมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำจึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด เช่น แป้งข้าวโอ๊ต แป้งมะพร้าว แป้งอัลมอนด์ น้ำตาลอิริทริทอล น้ำตาลหล่อฮั่งก๊วย หรือแม้กระทั่งพืชหัวอย่างฟักทอง จึงสามารถนำไปปรับใช้ในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย 

    ขนมคีโต ทางเลือกสำหรับคนกินคีโต
    ยกตัวอย่างขนมคีโต เช่น คุ้กกี้ที่ทำจากถั่วลูกไก่ ซึ่งให้โปรตีนและเส้นใยไฟเบอร์สูง ขนมปังคีโตที่ทำจากแป้งอัลมอนด์และใส่ไซเลียมฮัสค์เพิ่งกากใยในระบบทางเดินอาหาร บราวนี่ฟักทองไร้แป้ง โลฟเค้กกล้วยช็อกที่ทำจากแป้งอัลมอนด์กับผงคาเคา เป็นต้น
    แป้งกลูเตนฟรี ทางเลือกสำหรับคนแพ้กลูเตน
    ในกรณีที่แพ้กลูเตน จะไม่สามารถรับประทานอาหารที่ทำจากแป้งสาลีได้ แต่ยังสามารถรับประทานขนมที่ทำจากแป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ แป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว แป้งถั่วลูกไก่ แป้งมันสำปะหลัง หรือโรลโอ๊ตได้ ซึ่งแป้งเหล่านี้สามารถนำมาทำขนมได้หลากหลายรูปแบบ ถึงแม้ว่าเนื้อสัมผัสอาจจะไม่ได้เหมือนกับการใช้แป้งสาลีมากนัก แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นกัน


3. เครื่องดื่ม 0 แคล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

เครื่องดื่มทั่วๆ ไป เช่น น้ำพันช์ อาจต้องปรับสูตรในการปรุงเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนมาใช้หญ้าหวานหรือสารทดแทนความหวานประเภทอื่นที่ให้พลังงานต่ำ แทนการใช้ไซรัปในการปรุงน้ำหวานเหล่านี้ (ดูรายละเอียดสารให้ความหวาน SAMITY เพิ่มเติมได้ ที่นี่)

หากเป็นน้ำอัดลม อาจเปลี่ยนเป็นแบบ zero calories แทน ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลงเช่นกัน หรือหากอยากดื่มน้ำอัดลมซ่าๆ อาจเลือกดื่มเป็นน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล 1 ช้อนชาผสมกับน้ำเปล่า 1-2 แก้ว แล้วเติมน้ำแข็งแทน นอกจากดับกระหาย ได้ความสดชื่น และคุมความอยากอาหารแล้ว ยังดีต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยย่อยอาหาร และช่วยเรื่องการขับถ่ายได้อีกด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่มีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เป็นโรคเบาหวานหรือโรคกระดูกพรุน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์  การดื่มเบียร์ 1 แก้ว (425มล.) ให้พลังงานมากถึง 182 กิโลแคลอรี่ เท่ากับการรับประทานข้าวขาว 2 ทัพพีครึ่ง หากเปลี่ยนเป็น ไวน์ ซึ่งรวมถึงไวน์แดงและไวน์ขาวจะให้ประโยชน์มากกว่า เพราะไวน์มีประโยชน์ เช่น มีสารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ช่วยลดไขมันชนิดไม่ดี ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี จึงควรดื่มไม่เกิน 1-2 แก้ว (150 มล.) ต่อวัน


4. ผลิตภัณฑ์จากนม สำหรับคนแพ้แลคโตส

สำหรับคนที่แพ้น้ำตาลแลคโตสในนมวัว สามารถดื่มนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือน้ำนมข้าวได้ โดยเลือกแบบที่หวานน้อยเพื่อสุขภาพที่ดี หรือบางท่านที่กำลังควบคุมน้ำหนักอาจอยากดื่มนมที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการสูง ก็สามารถมองหาผลิตภัณฑ์นมจากวัตถุดิบอื่น เช่น นมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอ หรือหากรู้สึกมีความอยากน้ำหวานหรือน้ำชงต่างๆ ก็สามารถชงโกโก้ร้อนหรือเย็น โดยผสมผงโกโก้แท้ไม่มีน้ำตาลลงในนมเหล่านี้ได้ เท่านี้ก็สามารถดับกระหาย ได้กินของอร่อยและมีประโยชน์

จะเห็นว่า ปัจจุบันในท้องตลาดนั้น มีอาหารทางเลือกที่ดีและมีประโยชน์มากมาย เหนือสิ่งอื่นใด เราควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และรับประทานอาหารแต่ละอย่างในปริมาณที่เหมาะสมและพอดี เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน


อาหารสุขภาพ เปลี่ยนจากอาหารทั่วไป มาเป็นอาหารทางเลือก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

765
อสังหา / การเตรียมตัว ขณะจัดฟัน
« เมื่อ: 13มีนาคม2024, 18:11:45pm »
ก่อนที่เราจะตัดสินใจ ที่จะ จัดฟัน เราต้องเข้าใจ ถึงวิธีการ และการดูแลตนเอง ในขณะจัดฟันด้วย การพบทันตแพทย์ ก่อนการจัดฟัน ทันตแพทย์จะอธิบาย ถึงการดูแลตนเอง ในขณะจัดฟัน ซึ่งการ จัดฟัน นั้นคือการดึงฟันที่ผิดปรกติ เช่น ฟันหน้ายื่น ทำให้เคี้ยวบดอาหารไม่ได้ หรือการเรียงตัวของฟันไม่ตรงตำแหน่ง ให้อยู่ในตำแหน่งที่ปรกติ การรักษา ช้าเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพ และปัญหาฟันของแต่ละคน รวมถึง การเลือกวิธีการที่จะจัดฟันด้วย ซึ่งปัจจุบัน มีหลากหลาย วิธีจัดฟัน ให้เลือก

สิ่งที่ต้องเตรียมตัว เมื่อเราจะต้องจัดฟัน

1.    งบประมาณ การเลือกวิธีการจัดฟัน จะมีราคาที่แตกต่างกัน ตามอุปกรณ์ และเครื่องมือ ที่ใช้ในการจัดฟัน ก่อนที่จะจัดฟัน ต้องพบทันตแพทย์ และศึกษา รูปแบบ ของการจัดฟัน ในแต่ละรูปแบบ ที่เหมาะสมกับงบประมาณ ที่เรามี เพราะเราต้องเตรียมงบประมาณ เนื่องด้วย การจัดฟัน ต้องทำต่อเนื่อง ตามที่ทันตแพทย์นัด จนจัดฟันเสร็จ

2.    การสร้างระเบียบวินัยให้กับตัวเอง สำคัญมาก คือวินัย ในขณะจัดฟัน เราต้องปฏิบัติตามที่ทันแพทย์ แนะนำ อย่างเคร่งครัด และต้องมาตามที่นัด อย่างต่อเนื่อง หากเกิดความผิดปกติ ต้องรีบไปพบทันตแพทย์ ทันที เพื่อแก้ไข ความผิดปกตินั้นๆ

3.    การดูแลทำความสะอาด เนื่องจาก ภายหลังจากการจัดฟัน จะส่งผลให้การทำความสะอาดยากขึ้น ใช้เวลานานขึ้น อาจจะต้องใช้การแปรงฟัน น้ำยาบ้วนปาก ใหมขัดฟัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกัน เศษอาหารอุดตันที่เหล็กดัดฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดฟันผุได้

4.    แผลในปาก เป็นเรื่องปกติของคนจัดฟัน และหลีกเลี่ยงยากมาก เพราะในปากมีเหล็กที่ติดกับฟันอยู่ หากเราขยับปากมากเกินไป ก็ทำให้เหล็กเสียดสีกับปากแล้วเกิดแผลในปากได้ จึงต้องคอยดูแลตนเอง หากมีแผลในปาก ก็รีบไปพบ ทันตแพทย์ เพื่อทำการรักษา อาการแผลในปาก และต้องหมั่น ดูแลเรื่องความสะอาดภายในช่องปาก อย่างเคร่งครัดด้วย

5.    อาการปวดฟัน เป็นธรรมดา ของการจัดฟัน ที่มีการนำเหล็กมายึด และดึงฟันเข้าหากัน ย่อมส่งผล ให้เกิดอาการปวดทุกครั้ง ที่ใส่เครื่องมือใหม่ หากเป็นมาก ให้รีบไปพบทันตแพทย์ ทันที เพื่อดูความผิดปกติ ที่เกิดขึ้น และแก้ไข โดยด่วน

6.    การกินอาหาร ต้องเลือกอาหารที่เหมาะสม อย่างที่เรารู้กันว่า การจัดฟัน เราจะไม่สามารถใช้ฟันหน้ากัดของแข็งได้เลย เพราะอาจจะทำให้อุปกรณ์เครื่องมือที่ยึดกับฟันไว้หลุดออกได้ เราจึงต้องควรเลือกกินอาหารที่เคี้ยวง่าย และ ขนาดของชิ้นพอดี ไม่ใหญ่มาก ไม่แข็งมาก ไม่เหนียวมาก

7.    การเลือกสถานที่จัดฟัน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราต้องเลือก สถานที่ และทันแพทย์ ที่เราเชื่อถือ และไว้วางใจ สถานที่ต้องสะอาด ทันตแพทย์ ต้องเป็นผู้มีความชำนาญ ในการจัดฟัน ในแต่ละรูปแบบ ที่เราต้องการจะใช้บริการ ควรศึกษาคลีนิคต่างๆและเลือกทันตแพทย์ให้ดี ทันตแพทย์ที่ดีคือทันตแพทย์เพื่อทางนี้โดยเฉพาะ ก็จะทำให้เรา ได้รับบริการที่ดี

ก่อนจะจัดฟัน ต้องศึกษา ถึงรายละเอียด ของวิธีการจัดฟันแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับตัวเรา และงบประมาณของเรา และเลือกคลีนิก กับทันตแพทย์ ที่เราเชื่อถือ ในบริการ เพื่อให้ได้รับบริการที่ดี นั่นเอง

การเตรียมตัว ขณะจัดฟัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

766
การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาทางทันตกรรมสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติ  ซึ่งได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าแต่ก่อน จึงทำให้การฝังรากฟันเทียมเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะภายหลังจากการฝังรากฟันเทียม ผู้เข้ารับการรักษาจะที่สุขภาพฟันที่เป็นปกติ สามารถใชชีวิตประจำวัน รับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษามีฟันที่เรียงสวยเป็นธรรมชาติ และไม่เกิดภาวะฟันห่าง ฟันล้มอีกด้วย ด้วยนวัตกรรมที่นำเข้ามาใช้ในเรื่องของการรักษาในปัจจุบัน มีการวางแผนการรักษาที่แม่นยำ และมีอัตราความสำเร็จในการรักษาถึง 98 % เพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการฝังรากฟันเทียม ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้ารับการรักษาอีกด้วย


แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการรักษา เพราะโรคบางชนิด ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่สามารถทำการฝังรากฟันเทียม เพราะการฝังรากฟันเทียมนั้น มีการผ่าตัดเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องแจ้งข้อมูลประจำตัวแก่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างละเอียด เช่นเดียวกับการ จัดฟัน และทันตแพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วย ยกตัวอย่างเช่น ผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นโรคเบาหวานขั้นรุนแรง ก็ไม่สามารถทำการฝังรากฟันเทียมได้ เพราะอาจจะทำให้บาดแผลที่ได้จากการผ่าตัดเกิดการติดเชื้อได้ง่าย และแผลหายช้า ยกเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากแพทย์ประจำตัวเสียก่อน

นอกจากผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นโรคเบาหวานแล้ว คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก็ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาอาจจะไม่รับการฝังรากฟันเทียม หรืออาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เมื่อทำการผ่าตัดเพื่อการฝังรากฟันเทียม เพราะแผลที่ได้จากการผ่าตัดอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งสามารถทำให้เชื้อโรคเข้าไปในบาดแผลได้ง่าย และทำให้เกิดการอักเสบ เป็นหนอง เนื่องจากร่างกายไม่รับรากฟันเทียมนั่นเอง หากผู้เข้ารับการรักษา อยู่ในภาวะภูมิคุ้มกันลดลงมากผิดปกติ จะทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงมากขึ้น หรือการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ป่วยได้ เพราะฉะนั้น การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมในกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะส่งผลเสียมากกว่า อาจจะทำให้ผลการรักษาเกิดความล้มเหลวได้ง่ายกว่าผู้เข้ารับการรักษาที่เป็นโรคอื่น


ดังนั้นการฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะไม่แนะนำให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เข้ารับการทำรากฟันเทียม สำหรับอัตราความล้มเหลวในการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมในระยะแรก จะพิจารณาจากรากฟันเทียมที่ไม่สามารถยึดติดกับกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียมได้ภายใน 2 เดือน รวมไปถึงอาการผิดปกติหลังจากทำการฝังรากฟันเทียม เช่นมีอาการเจ็บปวด หรืออาการชา มีเงาดำที่ปลายรากฟันเมื่อทันตแพทย์ทำการฉายรังสี หือถ้าหากรากฟันเทียมเกิดการขยับ ก้ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ


อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม จะต้องมีสุขภาพช่องปากที่ดีและแข็งแรงมากพอที่จะเข้ารับการฝังรากฟันเทียม รวมไปถึงสุขภาพกายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องให้ข้อมูลกับทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในการรักษา และความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษาเองด้วย หากไม่แจ้งข้อมูลไม่ละเอียด และทำการฝังรากฟันเทียมไปแล้ว อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือส่งผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาและเสียเงินฟรีๆ หากการรักษาเกิดความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจเข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม สามารถขอคำแนะนำจากคลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการทำรากฟันเทียม ผ่านการอบรมมาอย่างเฉพาะด้าน นอกจากนี้ ยังมีการทันตกรรมอย่างครบวงจรคอยให้บริการอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะมีสุขภาพฟันที่ดีอย่างแน่นอน



จัดฟันบางนา: คนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เข้ารับการ ฝังรากฟันเทียม ได้หรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

767
ในปัจจุบันเด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากละเลยในการทำความสะอาดช่องปากและฟันและบวกกับการที่เด็กชอบรับประทานของหวาน น้ำอัดลมหรือขนมต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ การเกิดฟันผุเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยและส่งผลทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ โดนล้อ หรือแม้กระทั่งทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ในอนาคต เพราะการที่มีฟันน้ำนมผุจะทำให้รู้สึกปวด บดเคี้ยวอาหารไม่ได้และร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตอีกทั้ง อาการปวดฟันยังส่งผลทำให้เด็กนอนไม่หลับและทำให้เรียนรู้ช้า


สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและยังสามารถขัดขวางในเรื่องของพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้อีกด้วย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันและควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เด็กได้เติบโตไปมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีหรือถ้าผู้ปกครองท่านใดสนใจที่อยากจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆเพราะการที่เด็กเข้ารับการจัดฟันก็จะช่วยทำให้ปลูกฝังในเรื่องของการดูแลช่องปากและฟันไปในตัวและยังช่วยทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด ที่กำลังตัดสินใจว่าจะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กหรือไม่ เพราะอาจจะกังวลในข้อจำกัดหลายๆอย่างและไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กในวันนี้ทางคลินิก Idol Smile ของเราจะมาพูดถึงวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ปกครองได้ปฏิบัติตัวและให้เด็กได้เตรียมความพร้อม สำหรับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับวิธีการเตรียมตัวของพ่อแม่ผู้ปกครอง สิ่งสำคัญเลยก็คือควรพูดทำความเข้าใจกับบุตรหลานของท่านให้เข้าใจว่า เหตุใดเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้เข้าใจก่อนเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเข้าพบทันตแพทย์เพราะ กลัวเจ็บหรือรู้สึกเขินอาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างทัศนคติที่ดีในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพฟันให้แก่บุตรหลาน


สำหรับวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ในขั้นแรกที่เรากล่าวไปแล้วก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้กับบุตรหลานของท่าน ต่อมาก่อนการเข้ารับการจัดฟันเด็กจะต้องทำความสะอาดช่องปากและฟันก่อนเข้าตรวจกับทันตแพทย์ ในข้อนี้เด็กจะต้องมีความร่วมมือในการรักษากับทันตแพทย์ด้วย ต่อมาถึงขั้นตอนของการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กเพื่อให้ทันตแพทย์ได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยอาจจะมีพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมพูดคุยด้วย หลังจากพูดคุยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงขั้นตอนการวางแผนการรักษาและการออกแบบ


เครื่องมือการจัดฟันให้เหมาะสมกับเด็ก นี่ก็คือวิธีการเตรียมพร้อมก่อนเข้ารับ จัดฟันในเด็กส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะต้องเตรียมในการจัดฟัน ในข้อนี้ต้องอธิบายก่อนว่าราคาของการจัดฟันในแต่ละแบบและแต่ละสถานที่จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ รวมกับปัญหาของสุขภาพช่องปากและฟันด้วย ดังนั้น ในเรื่องของค่าใช้จ่ายพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา หรือเงื่อนไขและเตรียมความพร้อมก่อนพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตนเองมากท


หากพ่อแม่ท่านใดอยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมของเด็กจึงทำให้มีการรักษาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและเหมาะสมมากที่สุด เพราะทางคลินิกของเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น




เตรียมพร้อมสุขภาพฟัน ก่อนเข้ารับการจัดฟันเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

768
‘เบาหวาน’ หนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCD’s ที่ทั่วโลกมีคนที่เป็นโรคนี้สูงถึง 463 ล้านคน และ WHO หรือองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2045 จะมีคนที่เป็นโรคนี้เพิ่มถึง 629 ล้านคน ส่วนประเทศไทยก็เช่นกันมีแนวโน้มของจำนวนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3 แสนคน

   
“โรคเบาหวาน” เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนไทย โดยมีสถิติผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้สูงถึง 200 ราย/วัน ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตจากภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ด้วยเหตุผลนี้เองผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกเหนือจากการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์แล้ว  อาจจะต้องเลือกรับประทานอาหารอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอาหารที่ต้องดีต่อสุขภาพ และสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และอาจใช้สารอาหารเพื่อช่วยดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเช่น  แอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid)  วิตามินบี 1-6-12 สารสกัดจากขมิ้นชัน และ เวย์โปรตีนสำหรับคนเป็นเบาหวาน


การดูแลร่างกายของคนเป็นเบาหวาน

การปฏิบัติตัวและดูแลร่างกายตัวเองสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน อาจจะต้องมีความเข้มงวดเช่นเดียวกับโรค NCD’s อื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องพื้นฐานต่างๆ เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร การพักผ่อน และการออกกำลังกาย ความดันโลหิต ไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้ได้ตามเป้าหมาย  แต่ที่สำคัญมากคือ ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โดยหลักปฏิบัติของคนเป็นเบาหวานมี 12 ข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้

จำกัดปริมาณในการรับประทานอาหารประเภทแป้ง
เลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขนมปังโฮลวีท งดรับประทานข้าวหรือแป้งที่ผ่านการขัดสี
ต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ และตรงเวลา
รับประทานผักและผลไม้สดให้มากขึ้น สำหรับผลไม้ต้องเลือกผลไม้ที่หวานน้อย
ควรดื่มน้ำสะอาดมากกว่า 8 แก้วต่อวัน
จำกัดปริมาณในการรับประทานเนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดหนัง
ออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
รับประทานยา หรือฉีดยาตามคำสั่งแพทย์
งดการรับประทานอาหารหวาน เครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือจำกัดการรับประทานให้น้อยที่สุด
การรับประทานอาหารมัน อาหารเค็ม ของทอด และอาหารแปรรูป
งดการบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


สารอาหารสำคัญที่จำเป็นสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน

นอกจากหลักในการปฏิบัติตัว เช่น การเข้มงวดในการรับประทานอาหาร การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเสริม


1.  แอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid)

กรดอัลฟ่า ไลโปอิด แอซิด (Alpha Lipoic Acid) ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระครอบจักรวาลที่ออกฤทธิ์ได้ทั่วร่างกาย (Universal antioxidant) สามารถละลายได้ทั้งไขมันและน้ำ มีผลวิจัยจากการศึกษาในต่างประเทศพบว่า กรดแอลฟ่า ไลโปอิก แอซิด (Alpha Lipoic Acid) มีประโยชน์สามารถที่จะป้องกันโรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเบาหวานได้ เช่น อาการชาตามปลายมือปลายเท้า ในอาหารธรรมชาติสามารถพบกรดชนิดนี้ได้ใน บล๊อกโคลี่ ผักป๋วยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีจึงมีสรรพคุณในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยจะไปเพิ่มความไวของอินซูลิน และลดอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยว่ามีส่วนช่วยลดอาการปลายประสาทอักเสบในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย


2.  วิตามินบี 1-6-12

อาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าจากปลายประสาทอักเสบ ถือเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมากในคนที่เป็นเบาหวาน ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากร่างกายมีอนุมูลอิสระมากเกินไป ทำให้เยื้อหุ้มประสาทถูกทำลาย และร่างกายขาดวิตามินบี 1-6-12 ที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างสัญญาณสื่อประสาท

ดังนั้นวิตามินบี 1-6-12 จึงเป็นวิตามินที่สามารถรักษาอาการชาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้สามารถรักษาอาการชาจากปลายประสาทอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเลือกวิตามินบี 12 ที่เป็นรูปแบบเมทิลโคบาลามินปริมาณสูง (500 ไมโครกรัม) ควบคู่กับการรักษาอาการชาที่ต้นเหตุด้วยการรับสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง


3.  สมุนไพรขมิ้นชัน

'ขมิ้นชัน' สมุนไพรมากประโยชน์ ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี มีสารสำคัญคือเคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น ช่วยรักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดการอักเสบตามข้อ และป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้

โดยมีผลการวิจัยว่าสารสกัดจากขมิ้นชันมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ระบบการทำงานของอินซูลินในร่างกายดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น และทำให้ระดับน้ำตาลสะสมของผู้ที่เป็นเบาหวานลดลง ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมในการผลิตสารเคอร์คูมินอยด์ในรูปแบบของไฟโตโซมที่ช่วยให้การละลายและการดูดซึมสารเคอร์คูมินอยด์ดีมากขึ้น โดยทำในรูปแบบไฟโตโซมซึ่งทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ออกฤทธิ์ได้ดีกว่าสารสกัดแบบธรรมดาทำให้ได้ประสิทธิภาพของเคอร์คูมินอยด์ได้อย่างเต็มที่


4.  เวย์โปรตีนสำหรับคนเป็นเบาหวาน

การควบคุมอาหาร และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานคือ สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของคนที่เป็นโรคเบาหวานผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้คนที่เป็นโรคนี้รู้จักกับอาหารสูตรทดแทนที่เลือกใช้เวย์โปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักโดยเวย์โปรตีนที่ดีสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้คือเป็นโปรตีนคุณภาพดี สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว ย่อยง่าย และไม่ทำให้ท้องอืด นอกจากนี้ยังไปช่วยส่งเสริมการหลั่งอินซูลินซึ่งมีส่วนในการช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

นอกจากนี้ การเลือกเวย์โปรตีนที่ผลิตขึ้นมาเป็นอาหารสูตรครบถ้วน ที่มีการเพิ่มโปรไบโอติกและพรีไบโอติกส์เข้าไปในสูตร จะสามารถช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้สมดุลและเป็นการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ได้ตามธรรมชาติอีกด้วย ซึ่งการเพิ่มกากใยอาหารหรือพรีไบโอติกส์ในอาหารที่ใช้ทดแทนมื้ออาหารถือว่าเป็นการดูแลลำไส้ใหญ่ได้ดีเช่นเดียวกับการมีโปรไบโอติกส์ในปริมาณสูง เพราะจุลินทรีย์ที่ดีเหล่านี้จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ง่ายของผู้ป่วยโรคเบาหวานและสำหรับทุกคน เสริมภูมิต้านทานและให้ประโยชน์ในการปรับสมดุลทางเดินอาหารให้ดีกว่าการไม่กินโปรไบโอติกส์




บริการด้านอาหาร: สารอาหารที่สำคัญสำหรับคนเป็นเบาหวาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/catering-service/

769
สายมังสวิรัติคงคุ้นเคยกับการกินผักและผลไม้เป็นหลัก แม้ว่าผักผลไม้จะให้แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายได้อย่างเพียงพอ แต่ยังมีสารอาหารชนิดหนึ่งที่อาจขาดหายไป นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่างนมหรือไข่ การหาโปรตีนจากอาหารประเภทอื่นมาทดแทนจึงถือเป็นปัจจัยหนึ่งของการมีสุขภาพดีฉบับคนกินผักและผลไม้อย่างแท้จริง

โปรตีนนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายคนเรา มีส่วนช่วยในกระบวนการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเจริญเติบโต การซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ การเผาผลาญ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงเป็นแหล่งพลังงานให้แก่ร่างกายด้วย


สารโภชนาการชนิดนี้จึงจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับนักมังสวิรัติที่ทานไข่ แต่ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากนม (Ovo Vegetarian) นักมังสวิรัติที่ทานผลิตภัณฑ์จากนม แต่ไม่ทานไข่ (Lacto Vegetarian) และนักมังสวิรัติบริสุทธิ์หรือที่เรียกกันว่า วีแกน (Vegan) ซึ่งจะไม่ทานเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ จากเนื้อสัตว์เลย


6 อาหารโปรตีนที่ดีต่อคนกินมังสวิรัติ

จริง ๆ แล้ว ผักและผลไม้ทุกชนิดล้วนมีโปรตีน บางชนิดอาจมีปริมาณน้อย ทว่าบางชนิดกลับมีปริมาณมากพอจะช่วยเติมเต็มมื้ออาหารมังสวิรัติได้ โดยตัวอย่างอาหารอุดมโปรตีนที่สามารถหาได้ง่ายและราคาย่อมเยา มีดังนี้


1. ถั่วเหลือง

เป็นอาหารที่ให้โปรตีนมากกว่าที่หลายคนรู้ โดยถั่วเหลืองต้มในปริมาณ 100 กรัม จะให้โปรตีนมากถึง 16.6 กรัม นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอย่างนมถั่วเหลือง ถั่วหมัก หรือเต้าหู้ก็ยังให้โปรตีนที่สูงไม่แพ้กัน ซึ่งสามารถนำมาทานคู่กับอาหารแต่ละมื้อได้ง่าย


2. ถั่วลันเตา

ถั่วลันเตาใน 1 ถ้วยมีปริมาณโปรตีนประมาณ 7.9 กรัม ซึ่งอาจเทียบเท่ากับโปรตีนจากนม 1 แก้ว อีกทั้งยังมีใยอาหารสูง แร่ธาตุ และวิตามินอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น วิตามินเอ ซี เค และบี โฟเลต แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส เป็นต้น โดยนิยมนำมาประกอบอาหารหรือเป็นเครื่องเคียงที่น่าสนใจ


3. ถั่วลูกไก่ (Chickpeas)

หรือถั่วหัวช้างจะให้โปรตีนกับร่างกายได้กว่า 15 กรัม รวมถึงคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ใยอาหารสูง แร่ธาตุที่จำเป็น และแคลอรีต่ำ หากทาน 1 ถ้วยหรือประมาณ 240 กรัม และงานวิจัยบางส่วนยังเชื่อว่า ถั่วลูกไก่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และลดไขมันบริเวณหน้าท้อง


4. ควินัว

เป็นธัญพืชเทียม (Pseudocereals) ประเภทหนึ่งที่สามารถนำมาทานหรือประกอบอาหารได้เหมือนธัญพืชโดยทั่วไป ซึ่งควินัว 1 ถ้วยจะมีปริมาณโปรตีน 8 กรัม โดยสามารถนำไปทำอาหารคาวหรือเติมเต็มในอาหารหวานก็ย่อมได้ เช่น ผสมกับคุกกี้ ซาลาเปา หรือทานคู่กับผลไม้ที่ชื่นชอบ


5. ข้าวโอ๊ต

เป็นแหล่งโปรตีนที่หลายคนนิยมทานในหลายรูปแบบและไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพหรือนักมังสวิรัติ เช่น โจ๊กข้าวโอ๊ต นมข้าวโอ๊ต ขนมปังข้าวโอ๊ต หรือโปรตีนบาร์ โดยในข้าวโอ๊ตอบแห้งครึ่งถ้วยหรือประมาณ 120 กรัม จะมีโปรตีนปริมาณ 6 กรัม ใยอาหารอีก 4 กรัม และสารอาหารอื่นที่หลากหลาย


6. เมล็ดเจีย

แม้จะเป็นเมล็ดธัญพืชขนาดเล็ก แต่ปริมาณโปรตีนไม่เล็กตาม โดยในเมล็ดเจีย 35 กรัม จะมีโปรตีน 6 กรัม ใยอาหารสูงถึง 13 กรัม แถมยังเป็นแหล่งธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม กรดไขมันโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเมล็ดเจียจะดูดน้ำและพองตัวได้คล้ายเมล็ดแมงลัก จึงสามารถเป็นท้อปปิ้งในอาหารทานเล่นหลายประเภท ไม่ว่าจะ พุดดิ้ง เยลลี่ หรือสมูทตี้

นอกเหนือจากอาหารดังข้างต้นแล้วยังมีผักและผลไม้อีกมากที่มีโปรตีนจำเป็นสำหรับร่างกาย เช่น เมล็ดงา เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว บร็อคโคลี ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง แตงกวา มัลเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ และกล้วย เป็นต้น


สุดท้ายนี้ แม้การกินมังสวิรัติจะมาพร้อมกับความกังวลด้านการขาดสารอาหารบางชนิด แต่การทานอาหารที่หลากหลายก็จะสามารถสลายความกังวลและสร้างเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ สำหรับผู้สนใจกินมังสวิรัติที่มีปัญหาสุขภาพหรือแพ้อาหารอาจปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการในการจัดเมนูอาหารที่เหมาะสมและปลอดภัยกับร่างกายให้ได้มากที่สุด



บริการด้านอาหาร: อาหารอุดมโปรตีนสำหรับคนกินมังสวิรัติ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/catering-service/

770
ปัญหาของระบบน้ำประปาก็คือ ในช่วงแรกใช้ดี แต่นานๆไปเริ่มมีปัญหา ส่วนมากปัญหาพวกนี้มาจากการติดตั้งตอนแรก…ที่มีปัญหา…แต่แค่ผู้ใช้ไม่รู้
ระบบน้ำประปาสำคัญไม่แพ้ระบบอื่นเลย  มันยุ่งยากและมีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆเยอะด้วย แถมวิธีการติดตั้งก็ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางอีก

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต ผมได้สรุปข้อมูล ‘วิธีการติดตั้งระบบน้ำประปาในบ้าน’ ให้ทุกคนใช้เป็นแนวทางดู

ระบบจ่ายน้ำประปาในบ้านที่ดี ขึ้นอยู่กับความสูงของตึก หากเป็นตึกที่เล็กกว่าสามชั้น สามารถใช้ระบบจ่ายน้ำขึ้นผ่านถังเก็บชั้นล่าง แต่ถ้าเป็นอาคารที่สูงกว่าสามชั้นขึ้นไป ต้องทำเป็นระบบจ่ายน้ำลง โดยเราต้องมีถังเก็บน้ำไว้ด้านบนของอาคาร คุณสามารถติดตั้งปั๊มน้ำหรือวาล์วปิดเปิดเพื่อควบคุมแรงดันน้ำให้เหมาะสมสำหรับแต่ละชั้นได้

ระบบจ่ายน้ำประปาในบ้าน

เราสามารถแบ่งระบบจ่ายน้ำประปาในบ้านได้สองรูปแบบ คือ ระบบจ่ายน้ำขึ้น และ ระบบจ่ายน้ำลง


ทำไมต้องมีการจ่ายน้ำขึ้นลง?

คำตอบก็คือเพราะว่าแรงดันน้ำจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่น้ำไหล และความเร็วของน้ำ (ซึ่งความเร็วก็มาจากแรงโน้มถ่วงกับปั๊มน้ำนั่นเอง)

หากเข้าใจพื้นฐานกันแล้วมาลองดูระบบจ่ายน้ำทั้งสองแบบกันเลยครับ

 
ระบบจ่ายน้ำขึ้น

ระบบจ่ายน้ำขึ้นเหมาะกับอาคารหรือบ้านที่มีความสูงประมาณ 3 ชั้นหรือต่ำกว่า

โดยที่การจ่ายน้ำจะสามารถใช้ผ่าน การจ่ายตรงจากประปาหลัก หรือไม่ก็จาก การจ่ายผ่านปั๊มน้ำก็ได้

การจ่ายตรงจากประปาหลัก จะมีแรงจ่ายน้ำน้อยกว่าเพราะเราต่อน้ำตรงออกมาจากท่อน้ำหลักเข้าท่อน้ำในบ้านเลย การทำระบบน้ำแบบนี้เหมาะกับบ้านที่มีความสูงต่ำกว่าสองชั้นเท่านั้น และถ้าเรามีการเปิดน้ำพร้อมกันหลายที่อาจจะมีบางจุดที่น้ำไม่พอหรือไม่ไหลได้ด้วย

ในปัจจุบัน บ้านเรือนส่วนมากจะใช้ ระบบประปาจ่ายผ่านปั๊มน้ำแทนมากกว่า เพราะจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องแรงดันน้ำหรือน้ำไม่ไหลบางจุดภายหลัง ซึ่งระบบจ่ายน้ำผ่านปั๊มจะต้องเดินน้ำผ่านถึงเก็บน้ำด้วย (ถึงน้ำบนดินหรือใต้ดินก็ได้)

ถ้าเรามีถังเก็บน้ำ เราควรจะติดตั้งท่อบายพาสด้วย ท่อบายบาสคือท่อที่มีไว้ลำเลียงน้ำจากมิเตอร์ถึงเข้าอาคารเราโดยไม่ผ่านปั๊ม เป็นระบบสำรองที่ไว้ใช้เวลาปั๊มไม่ทำงาน

ในกรณีที่เราใช้ปั๊มน้ำ เราไม่ควรเดินน้ำเข้าระบบประปาตรงโดยไม่ผ่านถังเก็บน้ำ เพราะน้ำจากระบบหลักจะถูกนำมาใช้ในบ้านเราทั้งหมด และจะส่งผลกระทบต่อระบบการใช้น้ำส่วนรวมของเพื่อนบ้าน (และยังผิดกฎหมายด้วย)

 
ระบบจ่ายน้ำลง

ระบบจ่ายน้ำลง ทำงานด้วยการสูบน้ำจากท่อหลักขึ้นไปยังถังเก็บน้ำบนอาคาร

โดยน้ำจากถังเก็บน้ำจะถูกจ่ายมาที่ตัวอาหารผ่านทางแรงโน้มถ่วง

วิธีนี้เหมาะสำหรับอาคารที่มีความสูงมากกว่า 3 ชั้นขึ้นไป และยิ่งอาคารสูงเท่าไร น้ำยิ่งไหลแรงขึ้น ยิ่งน้ำมีเวลาไหลเยอะ น้ำยิ่งไหลแรง (เท่ากับว่าน้ำจะไหลแรงสุดในชั้นล่าง)

สิ่งที่ควรระวังก็คือยิ่งอาคารมีความสูงมาก ความดันน้ำก็จะยิ่งเยอะ และระบบน้ำก็อาจจะล้มได้ เช่นกรณีที่ท่อแตกเพราะรับแรงดันน้ำไม่ไหวเป็นต้น หากอาคารมีความสูงมากกว่า 12 ชั้น หรือมากกว่า 56เมตรขึ้นไป ระบบน้ำจะเริ่มมีปัญหาเรื่องความดันน้ำ

วิธีแก้ปัญหาความดันน้ำในตึกสูงก็คือการติดตั้งวาล์วต่างๆเพื่อช่วยลดความดันท่อตามชั้นต่างๆ และข้อแนะนำก็คือให้เลือกอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานสูงไว้ก่อน

การประหยัดงบระยะสั้นเพื่อที่จะมาแก้งานทีหลังมันไม่ค่อยคุ้มครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้รับเหมาที่ติดตั้งตึกใหญ่แล้ว คุณคงไม่อยากเอาชื่อเสียงคุณมาเสี่ยงกับค่าวัสดุประปาไม่เท่าไร

ปัญหาตรงกันข้ามก็คือ แรงดันน้ำของท่อชั้นบนอาจจะน้อยเกินไป ทำให้น้ำไม่ไหล หรือไหลช้า สิ่งที่ต้องติดตั้งก็คือเครื่องสูบน้ำและถังรับแรงดันนั่นเอง หรือไม่คุณก็ติดตั้งให้ถังเก็บน้ำมีระยะห่างจากระบบน้ำชั้นบนสุดอย่างน้อย 10 เมตรก็ได้ครับ

อีกหนึ่งทางเลือกคือการทำสองระบบเพื่อรับรองชั้นบนและชั้นล่าง โดยที่ชั้นล่างๆให้ใช้ระบบปกติ แต่ชั้นบนที่มีระยะน้อยกว่า 10 เมตรให้เลือกใช้ปั๊มน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำไหลช้า

 
ท่อน้ำประปาในบ้าน

ท่อประปาสำหรับระบบน้ำในบ้านมีอยู่หลายประเภทให้เลือก โดยทั่วไปแล้วจะใช้ท่อขนาด ½” ถึง ¾” กันสำหรับท่อน้ำดีในสมัยก่อนคนนิยมใช้ท่อเหล็กแต่ปัจจุบันท่อPVC ก็เป็นที่นิยมมากเพราะมีราคาดีกว่า และมีความทนทานมากกว่า

ท่อสำหรับการเดินระบบน้ำดีได้แก่

ท่อพีวีซีแข็งสีฟ้า (หรือท่อพีวีซีทั่วไปนั่นเอง) เป็นท่อที่เหมาะกับงานประปาในอุณหภูมิปกติ โดยที่เราต้องเลือกขนาดแรงดันให้เหมาะกับการใช้งานด้วย สำหรับท่อน้ำดีแล้ว เราเลือกแค่ท่อชั้นแรงดัน 8.5 กับ 13.5 แค่นั้นพอ

ท่อ PPR ท่อPPR เป็นสินค้าใหม่ที่เหมาะสำหรับท่อน้ำร้อนมาก ข้อดีก็คือติดตั้งง่ายกว่าท่อพีวีซี (แต่ต้องมีเครื่องมือเฉพาะ) แต่ก็มีราคาแพงกว่าและหาซื้อยากกว่าเช่นกัน ท่อPPR ทนแรงกระแทกได้ไม่ดีเท่าท่อพีวีซี

ท่อเหล็ก ทุกวันนี้ยังมีการใช้ท่อเหล็กและท่อทองแดงอยู่ ซึ่งส่วนมากก็ใช้สำหรับท่อน้ำร้อนเช่นกัน ท่อเหล็กต้องทีการเคลือบทองแดงเพื่อการลดปัญหาการเกิดสนิม

หากสนใจอย่างอ่านเรื่องวิธีการเดินท่อสำหรับระบบอื่นเช่น ระบบน้ำทิ้ง หรือท่อโสโครก ผมแนะนำให้อ่านบทความของผมที่ คู่มือเลือกซื้อท่อพีวีซี (ตัวอย่างสำหรับงานประปาทุกชนิด)


การเดินท่อน้ำประปาในบ้าน

การเดินท่อภายในอาคารสำหรับระบบประปามีอยู่สองรูปแบบคือท่อลอยตัว และท่อเป็นฝังผนัง

สำหรับ การติดตั้งท่อแบบลอยตัว จะมีประโยชน์ตรงที่ซ่อมบำรุงง่าย และเหมาะสมกับเวลาที่เราต้องมาแก้หรือเพิ่มระบบภายหลัง

เช่นในบ้านที่อาจจะต้องทำการติดตั้งเพิ่มหรือ ตกแต่งเพิ่มเป็นต้น การติดตั้งท่อแบบนี้บางคนก็คิดว่าจะทำให้บ้านดูรกหรือดูไม่สวย แต่บางคนก็สามารถออกให้ระบบท่อดูดีได้เช่นกัน บางครั้งท่อลอยตัวก็จะมีเสียงน้ำวิ่งออกมารบกวนด้วย

ถ้าเราเลือกที่จะเดินระบบประปาแบบฝังผนัง เราติดตั้งระบบท่อไว้ก่อนที่จะฝังผนังและฉาบปูนทับ ข้อดีก็คือบ้านจะดูสะอาดขึ้นเยอะ แต่ก็จะทำให้การซ่อมบำรุงยากขึ้นเช่นกัน

เวลาเราเลือกช่างประมามาซ่อมระบบภายหลัง เราก็ต้องหาคนที่สามารถปิดผนังให้ดูสวยได้ด้วย

 
ปัญหาทั่วไปเวลาเดินระบบประปาในบ้าน

ปัญหาทั่วไปที่ผู้ใช้เจอกันก็คือ น้ำรั่ว หรือไม่ก็น้ำไม่ไหล ซึ่งส่วนมากปัญหาก็มาการเดินระบบไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น

แรงดันไม่มากพอ – น้ำที่การประปาจ่ายจะเป็นน้ำความดันต่ำ หากจะนำมาใช้ในบ้านหรือโครงการต้องมีการใช้ปั๊มน้ำและออกแบบการไหลของน้ำให้ดี

หากปั๊มมีแรงไม่มากพอ หรือเราจัดมุมท่อหรือขนาดลดของท่อไม่ดี ชั้นความดันท่อปลายก็อาจจะไม่พอก็ได้

มีการแย่งกันใช้น้ำ – หากระบบอยู่ในพื้นที่ที่มีการแย่งใช้น้ำเยอะเช่น ในหมู่บ้าน หรือครัวเรือนหนาแน่น

เวลาวันหยุดหรือช่วงที่มีคนใช้น้ำเยอะ อาจจะเกิดปัญหาน้ำไม่พอได้

วิธีแก้ก็คือการใช้ปั๊มน้ำเพื่อเพิ่มแรงดัน หรือการสำรองน้ำไว้ใช้เวลาช่วงคนเยอะ



ผู้ผลิตส่วนมากแนะนำวิธีเลือกปั๊มน้ำไว้ดังนี้

บ้าน  1 ชั้น ใช้ปั๊ม 150 w

บ้าน  2 ชั้น ใช้ปั๊ม 250 w

บ้าน  3-4 ชั้น ใช้ปั๊ม 400 w

ข้อแนะนำก็คือให้เราออกแบบระบบจาก จุดจ่ายน้ำ จำนวนคนอาศัย และ ความสูงของอาคาร หากเรารู้ว่าเราต้องจ่ายน้ำเท่าไรถึงเหมาะสมสำหรับผู้ใช้ เราก็จะคำนวณได้ว่าขนาดปั๊ม (และขนาดความดันท่อประปา) ต้องเป็นเท่าไรกันแน่


สรุปการเดินระบบน้ำประปาในบ้าน

ระบบการประปาในบ้านขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างความสูงของอาคาร วิธีการติดตั้งระบบ ชนิดของท่อประปา และปั๊มน้ำ

หากเราติดตั้งแบบไม่รอบคอบเราจะมีปัญหาเรื่องระบบภายหลังแน่นอน

ในช่วงแรกของการติดตั้งระบบอาจจะยังดีอยู่ อาจจะเป็นเพราะมีผู้มาอยู่อาศัยไม่เยอะ หรือสินค้าอาจจะทนแรงดันน้ำที่เยอะเกินไปได้ในระยะสั้น

แต่ในระยะยาว ถ้าคุณออกแบบและติดตั้งไม่ดี ระบบจะมีปัญหาอย่างแน่นอนครับ



บริหารจัดการอาคาร: ระบบน้ำประปาในบ้าน ขึ้นอยู่กับชนิดอาคารและวิธีการติดตั้ง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

หน้า: 1 ... 75 76 [77] 78 79 ... 108
โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google