แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 158
1
โรคลำไส้แปรปรวน (lrritable bowel syndrome/IBS)

โรคลำไส้แปรปรวน (lrritable bowel syndrome/IBS)* (กลุ่มอาการลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า ไอบีเอส ก็เรียก) เป็นภาวะที่ลำไส้ทำหน้าที่ผิดปกติ โดยไม่มีพยาธิสภาพหรือความผิดปกติของโครงสร้างลำไส้ และโรคทางกายอื่นใด ก่อให้เกิดอาการปวดท้อง มีลมในท้องมาก ร่วมกับท้องเดินหรือท้องผูกแบบเรื้อรัง จัดว่าเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการท้องเดินเรื้อรัง ในกลุ่มประเทศตะวันตกพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 10-20 ของคนทั่วไป ส่วนในบ้านเราจากการศึกษาเบื้องต้นพบประมาณร้อยละ 7 ของคนทั่วไป และพบประมาณร้อยละ 10-30 ของผู้ที่มีอาการท้องเดินเรื้อรังที่มาพบปรึกษาแพทย์

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยสูงอายุ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มมีอาการครั้งแรกตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป พบมากในช่วงอายุ 30-50 ปี และหลังอายุ 60 ปีจะพบน้อยลง พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1.5-3 เท่า และพบว่าผู้ที่มีประวัติโรคลำไส้แปรปรวนในครอบครัวมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนปกติทั่วไปประมาณ 2-3 เท่า

โรคนี้แม้จะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมปีหรือตลอดชีวิตก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อน หรือกลายเป็นโรคร้ายแรงแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีสุขภาพแข็งแรงและทำงานได้เป็นปกติ

*แต่เดิมมีชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น mucoid colitis, spastic colon, spastic bowel, irritable colon

สาเหตุ

โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม สภาพจิตใจ การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ของผู้ป่วย (มีชนิดและจำนวนจุลินทรีย์ที่แตกต่างจากคนปกติ) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท ระบบฮอร์โมน และสารเคมีต่าง ๆ (เช่น พรอสตาแกลนดิน ซีโรโทนิน แบรดิไคนิน เป็นต้น) ที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่ทำหน้าที่ผิดปกติไป กล่าวคือ ลำไส้ใหญ่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้น (ได้แก่ ความเครียด อาหารบางชนิด) มีการเคลื่อนตัวเร็วกว่าปกติ (ทำให้ท้องเดิน) หรือช้ากว่าปกติ (ทำให้ท้องผูก) และมีการบีบตัวมากกว่าปกติ (ทำให้ปวดท้อง)

นอกจากนี้ยังพบว่า การติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ชักนำให้เกิดโรคนี้ได้ เรียกว่า โรคลำไส้แปรปรวนหลังติดเชื้อ (post-infectious IBS)

อาการ

มีลักษณะเฉพาะ คือ มีอาการปวดท้อง มีลมในท้อง ร่วมกับท้องเดิน ท้องผูก หรือท้องเดินสลับท้องผูก เป็น ๆ หาย ๆ เป็นแรมปี อาการเหล่านี้อาจเป็นต่อเนื่องทุกวัน หรือเป็นบางวันหรือบางช่วง ซึ่งนับรวม ๆ กันแล้วเป็นเวลามากกว่า 12 สัปดาห์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อาการจะมีลักษณะและความรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน หรือแต่ละช่วงเวลา ส่วนน้อยที่จะมีอาการมากจนผู้ป่วยต้องไปปรึกษาแพทย์

อาการปวดท้องมีลักษณะไม่แน่นอน อาจปวดบิดเกร็งเป็นพัก ๆ ปวดตื้อ ๆ ปวดแปลบ ๆ หรือแน่นอึดอัด ไม่สบายท้อง ส่วนใหญ่จะปวดบริเวณท้องน้อยข้างซ้าย (บางรายอาจปวดทั่วท้อง) อาการจะทุเลาทันทีหลังถ่ายอุจจาระหรือผายลม

ผู้ป่วยมักมีลมในท้องมาก ท้องอืด เวลาถ่ายอุจจาระมักมีลมออกมาด้วย

ในรายที่มีอาการท้องเดินเป็นอาการเด่น จะมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลวบ่อย (มากกว่า 3 ครั้ง/วัน) โดยมักมีอาการปวดท้องอยากถ่ายทันทีหลังกินอาหาร โดยเฉพาะมื้อที่กินอาหารหลังปล่อยให้ท้องว่างมานาน (เช่น มื้อเช้า) กินอาหารมาก กินเร็ว ๆ หรือกินอาหารชนิดที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ผู้ป่วยจะปวดท้องถ่ายแบบกลั้นไม่อยู่ ต้องเข้าห้องน้ำทันที บางรายอาจมีอาการเหมือนถ่ายอุจจาระไม่สุด อยากถ่ายบ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งถ่ายไปไม่นาน โดยทั่วไปมักถ่าย 1-3 ครั้งหลังอาหารบางมื้อ แล้วหายเป็นปกติ อาการไม่รุนแรง ไม่มีคลื่นไส้ อาเจียน ไม่มีภาวะขาดน้ำ และส่วนใหญ่หลังเข้านอนแล้วมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาถ่ายอุจจาระจนกระทั่งรุ่งเช้า

ในรายที่มีอาการท้องผูกเป็นอาการเด่น จะมีอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็งขนาดเล็ก ถ่ายลำบาก ต้องออกแรงเบ่ง และมีอาการปวดบิดในท้องร่วมด้วย

บางรายอาจมีอาการท้องเดินสลับท้องผูกเป็นช่วง ๆ

ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายมีมูกปนออกมากับอุจจาระ มูกนี้คือน้ำเมือก (mucus) ปกติที่เยื่อบุลำไส้หลั่งออกมาเพื่อให้ความชุ่มชื้น และปกป้องผิวลำไส้ ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีเลือดปน

บางรายอาจมีอาการปวดท้อง มีลมในท้อง โดยไม่มีอาการท้องเดินหรือท้องผูกร่วมด้วยก็ได้ คล้ายอาการอาหารไม่ย่อย หรือโรคกระเพาะอาหาร

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบหรือรุนแรงขึ้นเนื่องจากสิ่งกระตุ้น ได้แก่

    ความเครียดทางจิตใจ วิตกกังวล ซึมเศร้า
    อาหารบางชนิด เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารเผ็ดจัด มันจัด กะทิ ข้าวสาลี หัวหอม กระเทียม ถั่วต่าง ๆ ผลไม้ น้ำหวาน น้ำผึ้ง แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ช็อกโกแลต แยม หมากฝรั่ง โคล่า น้ำโซดา น้ำอัดลม เป็นต้น
    อาหารมื้อหนัก (กินปริมาณมาก) หรือกินอาหารหลังปล่อยให้ท้องว่างมานาน หรือกินอาหารเร็ว ๆ
    ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกหรือท้องเดิน
    ขณะมีประจำเดือน
    การติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้

นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีภาวะอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โรคกังวลทั่วไป โรคซึมเศร้า อาหารไม่ย่อย ไมเกรน อาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดประจำเดือน ปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากทำให้เกิดความวิตกกังวล กลัวเป็นโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรง หรือมีภาวะซึมเศร้า

บางรายอาจเป็นมากจนมีผลกระทบต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

ในรายที่ถ่ายบ่อยหรือต้องเบ่งถ่ายมาก ๆ ก็อาจทำให้โรคริดสีดวงทวารกำเริบได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน นอกจากอาจพบอาการท้องอืด มีลมในท้องมาก

ในรายที่สงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือดเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือดสดหรือถ่ายดำ ซีด ดีซ่าน เป็นต้น แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและ/หรือลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคลำไส้แปรปรวน

มีอาการปวดท้อง หรือแน่นท้อง นับระยะเวลาโดยรวมแล้วอย่างน้อย 12 สัปดาห์จากช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่จำเป็นต้องมีอาการอย่างต่อเนื่องทุกวัน

อาการปวดท้องหรือแน่นท้อง มีลักษณะ 2 ใน 3 อย่างต่อไปนี้

    อาการทุเลาหลังถ่ายอุจจาระ หรือ
    เมื่อมีอาการเกิดขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงความถี่ (จำนวนครั้ง) ของการถ่ายอุจจาระ หรือ
    เมื่อมีอาการเกิดขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงของลักษณะอุจจาระ

หมายเหตุ
1. อาการต่อไปนี้ ช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยโรคลำไส้แปรปรวน

    จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระต่อวันผิดปกติ (มากกว่า 3 ครั้ง/วัน หรือน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์)
    ลักษณะอุจจาระผิดปกติ (เป็นก้อนแข็ง ถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลว)
    มีอาการผิดปกติของการถ่ายอุจจาระ (ต้องเบ่งถ่าย ปวดท้องถ่ายทันทีจนกลั้นไม่อยู่ หรือรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ)
    ถ่ายเป็นมูกปนมากับอุจจาระ
    มีอาการท้องอืด มีลมในท้องมาก

2. อาการต่อไปนี้ ทำให้นึกถึงโรคนี้น้อยลง และควรหาสาเหตุอื่น

    ซีด
    เลือดออกในทางเดินอาหาร
    ไข้
    ท้องเดินอย่างต่อเนื่อง
    ท้องผูกรุนแรง
    น้ำหนักลด
    ปวดท้อง และถ่ายอุจจาระหลังนอนหลับตอนกลางคืน
    มีประวัติของมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว
    เริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ถ้ามีอาการเข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรคลำไส้แปรปรวน จะซักถามประวัติอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการกำเริบ (หากผู้ป่วยยังไม่ทราบชัดเจน แนะนำให้สังเกตและบันทึกไว้เมื่อมีอาการกำเริบใหม่) รวมทั้งให้คำแนะนำผู้ป่วยในการปฏิบัติตัว

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก แนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น ถ้าไม่ได้ผลแพทย์จะให้กินสารเพิ่มกากใย

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องเดิน แนะนำให้ผู้ป่วยลดการกินอาหารที่มีกากใย เพราะอาจทำให้ถ่ายท้องมากขึ้น

2. ถ้ายังไม่ได้ผล หรือมีอาการมากจนมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต แพทย์จะให้ยาบรรเทาตามอาการเป็นครั้งคราว เช่น ให้ไฮออสซีน (ซึ่งเป็นยาต้านการบีบเกร็ง) สำหรับอาการปวดบิดท้อง, โลเพอราไมด์ (ซึ่งเป็นยาระงับการถ่าย) สำหรับอาการท้องเดิน, ยาระบาย (เช่น เซนนา, ไบซาโคดิล) สำหรับอาการท้องผูก, ยาทางจิตประสาท สำหรับอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับ เป็นต้น

หากให้ยาขั้นพื้นฐานบรรเทาอาการไม่ได้ผล หรือมีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาชนิดใหม่ เช่น Alosetron (สำหรับผู้หญิงที่มีอาการท้องเดินเรื้อรัง), Ramosetron (สำหรับผู้ชายที่มีอาการท้องเดินเรื้อรัง), Lubiprostone (สำหรับผู้หญิงที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง) เป็นต้น

3. ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง มีอาการอ่อนเพลียหรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่ายเป็นมูกปนเลือดเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือดสด หรือถ่ายดำ ซีด มีไข้ ท้องเดินอย่างต่อเนื่องทุกวันนานเกิน 1 สัปดาห์ ท้องผูกรุนแรง ลุกขึ้นถ่ายหลังนอนหลับตอนกลางคืน มีประวัติของมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว หรือเริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือสงสัยจะเกิดจากสาเหตุอื่น หรือให้ยาบรรเทาไม่ได้ผล แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม (เช่น การใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหารและ/หรือลำไส้ใหญ่) เพื่อหาสาเหตุ ถ้าตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ก็จะให้การรักษาแบบโรคลำไส้แปรปรวน

ผลการรักษา มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง การรักษาเพียงช่วยบรรเทาอาการ และช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องเดิน ท้องผูก ปวดท้อง หรือ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ควรดูแลรักษา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ
    ผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีความเครียดเป็นเหตุกำเริบ เช่น ฝึกโยคะ รำมวยจีน ฝึกสมาธิ สวดมนต์ ทำงานอดิเรก เป็นต้น

    หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นเหตุกำเริบ (เช่น นม อาหารรสเผ็ด อาหารมัน ถั่วต่าง ๆ อะโวคาโด เบอร์รี แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำผึ้ง น้ำโซดา น้ำอัดลม เป็นต้น) กินอาหารช้า ๆ กินอาหารพออิ่ม หรือมื้อละน้อยแต่บ่อยขึ้น กินอาหารให้ตรงเวลาทุกวัน (อย่ากินเลยเวลามื้ออาหารหรืองดกินอาหารบางมื้อ)
    หลีกเลี่ยงยาที่มีผลให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเดิน
    ในช่วงที่มีอาการท้องผูกกำเริบ ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) และกินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ธัญพืช) ให้มาก ๆ
    ในช่วงที่มีอาการท้องเดินกำเริบ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และงดอาหารที่มีกากใยสูง อาหารรสเผ็ด ชา กาแฟ แอลกอฮอล์

ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดท้องรุนแรง
    มีอาการลุกขึ้นถ่ายตอนดึก หรือถ่ายบ่อยทุกวันนานเกิน 1 สัปดาห์
    ถ่ายเป็นมูกมีกลิ่นเหม็น หรือมูกปนเลือด หรือเป็นเลือดสด หรือถ่ายอุจจาระดำ
    มีภาวะซีด
    มีอาการอ่อนเพลีย หรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    มีไข้ร่วมด้วยทุกวัน นานเกิน 1 สัปดาห์
    เริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 50 ปี
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

โรคนี้เป็นโรคประจำตัว มักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง โดยที่สุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี

ควรป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อย ด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้โรคกำเริบ โดยหมั่นบันทึกประวัติการกำเริบของโรคว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้าง แล้วพยายามหลีกเลี่ยง (งดบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นสาเหตุ) หรือจัดการแก้ไขเสีย (เช่น การจัดการและป้องกันความเครียด)


ข้อแนะนำ

1. ถึงแม้โรคนี้จะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง และไม่มียารักษาโดยเฉพาะหรือให้หายขาด แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่กลายเป็นมะเร็งหรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง เพียงสร้างความรำคาญหรือความลำบากในการคอยหาห้องน้ำ เวลาเดินทางออกนอกบ้าน หากจำเป็นก็สามารถใช้ยาบรรเทาอาการเป็นครั้งคราว

2. ผู้ที่มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก หรือท้องเดินเรื้อรัง มักเกิดจากโรคลำไส้แปรปรวนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พึงระวังว่า อาการเหล่านี้อาจเกิดจากสาเหตุที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนั้นควรตรวจดูอาการให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไม่ควรด่วนคิดว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน

3. ในปัจจุบันยาที่รักษาโรคนี้เป็นเพียงยาที่ใช้บรรเทาอาการชั่วคราว เช่น ยาระบายแก้ท้องผูก ยาแก้ท้องเดิน มีข้อเสียว่าถ้าใช้มาก ก็จะมีผลข้างเคียงให้เกิดอาการตรงกันข้าม เช่น ยาระบายแก้ท้องผูก อาจทำให้มีอาการท้องเดินตามมา ยาแก้ท้องเดิน อาจทำให้มีอาการท้องผูกตามมา ดังนั้นควรเน้นการปรับพฤติกรรมตนเองเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต อาหารการกิน การออกกำลังกาย และการผ่อนคลายความเครียดเป็นหลัก ควรใช้ยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
จัดฟันบางนา: วิธีระงับอาการปวดฟันชั่วคราว ก่อนพบทันตแพทย์

เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะทราบกันดีว่าอาการปวดฟันนั้นเจ็บปวดและทรมานมากขนาดไหน ซึ่งอาการปวดฟันถือว่าเป็นสัญญาณเตือนที่อันตรายแล้ว เนื่องจากว่าฟันท่านนั้นกำลังเกิดความเสียหายอย่างหนักที่บริเวณเส้นประสาทฟัน จึงทำให้เกิดอาการปวดฟันเสียวฟันได้นั่นเอง ซึ่งสาเหตุของการปวดฟันเกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟันคุด ฟันผุ ฟันสึก ฟันแตกหัก โรคเหงือกอักเสบ และอาการปวดจากโรคอื่นๆเป็นต้น

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ วิธีระงับอาการปวดฟัน เพื่อรอเวลาในการไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษาต่อไป แต่ขอบอกก่อนว่าใช้วิธีเหล่านี้และเกิดอาการดีขึ้นหายปวดแล้ว ไม่ไปทำการรักษาโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฟันของท่านก็อาจจะเกิดอาการที่หนักขึ้นและปวดรุนแรงขึ้นอีกระดับ วิธีที่เราจะบอกต่อไปนี้เป็นเพียงแค่ช่วยระงับปวดเบื้องจ้นเท่านั้น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


วิธีระงับปวดฟันเบื้องต้น
   
ทำความสะอาดเศษอาหาร

ถือว่าเป็นวิธีเบื้องต้นที่ดีที่สุดหากว่าท่านเริ่มมีอาการปวดฟัน ให้ท่านกำจัดเศษอาหารต่างๆที่ติดอยู่ในช่องปากและซอกฟัน โดยการแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน แต่ควรพยายามเบามือในบริเวณฟันซี่ที่ปวดอยู่ หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยให้บ้วนปากเบาๆด้วยน้ำอุ่นอีกครั้งหนึ่ง

   
ลดสิ่งกระตุ้น

ไม่ควรรับประทานสิ่งที่กระตุ้นอาการปวด เช่น ไม่ดื่มน้ำเย็นจัด ไม่รับประทานของร้อนจัด และไม่ควรรับประทานอาหารที่มีความหวานจัดหรือเปรี้ยวจัดอีกด้วย เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นอาการปวดฟัน

   
ระวังการกระแทก

ต้องระวังให้มาก อย่าให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณที่ปวดฟัน และวิธีที่จะทำให้ฟันเกิดการถูกกระแทกมากที่สุดก็คือการบดเคี้ยวอาหาร วิธีหลีกเลี่ยงก็เพียงแค่พยายามเคี้ยวที่ฟันอีกข้างที่ไม่เกิดการปวด หรือเป็นไปได้ในช่วงนี้ควรรับประทานของที่มีความอ่อนไม่ต้องบดเคี้ยว เช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก เป็นต้น

   
บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ

เกลือถือได้ว่ามีฤทธิ์ช่วยกำจัดแบคทีเรียและช่วยให้เหงือกมีความชุ่มชื่นขึ้น เป็นหนึ่งวิธีที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ช่วยให้ระงับอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี

   
รับประทานยาแก้ปวด

แนะนำว่าเมื่อมีอาการปวดมากๆให้รับประทานยาพาราเซตามอล แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟ่น โดยรับประทานเมื่อมีอาการปวดมากๆครั้งละ 1-2 เม็ด โดยรับประทานห่างกันครั้งละ 4-6 ชั่วโมง และอย่ารับประทานติดต่อหลายวัน เพราะอาจจะมีผลเสียต่อไตได้

   
ประคบเย็น

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำกันอย่างแพร่หลายมากๆเมื่อมีอาการปวดฟัน เนื่องจากหากว่าอุณภูมิต่ำลงจะช่วยในเรื่องลดปริมาณการไหลของเลือด เมื่อเลือดไหลน้อยลงอาการปวดก็น้อยลงตามด้วย

   
ประคบร้อน

เมื่อมีอาการบวมที่เกิดจากการเป็นหนองบริเวณปลายประสาท การใช้ความร้อนประคบบริเวณที่มีอาการจะเป็นการช่วยระบายหนองได้เป็นอย่างดีทำให้อาการบวมและปวดลดลงอีกด้วย

   
ใช้แอลกอฮอล์

สำหรับวิธีการนี้ขอแนะนำว่าให้ใช้กับผู้ใหญ่ โดยให้ใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์แรงๆ เช่น วอดก้า บรั่นดี วิสกี้ หรือเหล่าสี เป็นต้น นำสำลีไปจุ่มที่แอลกอฮอล์เหล่านี้ และนำไปจี้ในบริเวณที่ปวดแบบเบามือ ก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ หรืออาจจะใช้วิธีอมแอลกอฮอล์เหล่านี้ซักแปปนึงเพื่อฆ่าเชื้อแล้วจึงทำการบ้วนออกก็สามารถช่วยได้

   
หากปวดฟันเนื่องจากฟันเริ่มขึ้นในเด็ก

สำหรับการปวดฟันแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็คงไม่มีใครอยากให้บุตรหลานทรมาน โดยมีวิธีแก้ไขง่ายๆให้บุตรหลานของท่านบ้วนน้ำเกลือบรรเทาอาการปวด หรือรับประทานยาแก้ปวดสำหรับเด็ก ซึ่งอาการจะหายไปเองใน 2-3 วัน

ขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้เป็นแค่การช่วยบรรเทาอาการปวดบวม ไม่ได้เป็นการช่วยรักษาแต่อย่างใด ทางที่ดีหากท่านหากจากอาการปวดบวมแล้ว ควรรีบพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุในการปวดบวม เพื่อทำการรักษาให้ถูกต้องและถูกจุด เพื่อให้อาการปวดบวมเหล่านั้นหายไปอย่างถาวรนั่นเอง

4
รถรับจ้างใกล้ฉัน นครสวรรค์ ย้ายหอ ขนสินค้า เข้าถึงทุกที่ บริการรวดเร็ว ยืดหยุ่นตามต้องการ เรียกใช้งานได้เลย

รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์

ในยุคที่การขนส่งเป็นสิ่งสำคัญ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการ ย้ายหอ หรือ ขนสินค้า ที่หลากหลาย ด้วยบริการที่เข้าถึงทุกพื้นที่ในจังหวัดและบริเวณใกล้เคียง รถกระบะรับจ้าง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการขนย้าย ทั้งยังมีความรวดเร็วในการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการ ย้ายบ้าน ย้ายหอ หรือการ ขนส่งสินค้า ในปริมาณมาก บริการรถรับจ้างสามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งทำให้การขนส่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพียงแค่เรียกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ก็พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของคุณได้ทันทีรถรับจ้างทั่วไป ราคาถูก

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ บริการ 24 ชั่วโมง

ในยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูง ความสะดวกสบายจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ การเลือกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม รถกระบะรับจ้าง ไม่เพียงแต่ช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่ายและสะดวก แต่ยังสามารถเรียกใช้บริการได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดยาว หรือแม้กระทั่งวันทำงาน ทีมงานพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของคุณค่ะ นอกจากนี้ เมื่อคุณไม่ต้องเสียเวลาหรือพลังงานในการขนย้ายของเอง คุณจะมีเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญในชีวิตค่ะ

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน

บางครั้งความจำเป็นก็บังคับให้มีการเรียกใช้งาน รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ แบบเร่งด่วน รถรับจ้างที่อยู่ใกล้เป็นตัวแรกที่ ผู้ใช้บริการจะเรียกใช้งาน แต่บางครั้งก็ต้องแลกกับราคาที่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อมีความต้องการที่เร่งด่วนหรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว ซึ่งผู้ให้บริการหลายรายอาจเพิ่มราคาขึ้นเพื่อชดเชยกับความไม่สะดวกที่เกิดจากการจัดการทรัพยากรในช่วงเวลานั้น ๆ ค่ะ ถึงแม้ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ควรพิจารณาว่าความสะดวกและความรวดเร็วที่ได้รับนั้นคุ้มค่าหรือไม่ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ใกล้ฉัน บริการที่ใกล้ที่สุดและสามารถให้บริการได้ในเวลาที่ต้องการ อาจช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความยุ่งยากและความเครียดที่เกิดจากการจัดการการขนย้ายด้วยตัวเองได้ค่ะ

   
รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ไปต่างจังหวัด

บางครั้งการเดินทางไกลๆ แฝงไปด้วยความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้บริการ รถกระบะรับจ้างนครสวรรค์ ไปต่างจังหวัด บางคนกังวลว่า ของที่ขนย้าย จะถึงปลายทางไหม เขาจะเอาไปส่งรึป่าว หรือจะเกิดปัญหาในระหว่างการเดินทางไหม อย่างไรก็ตามขนส่ง เข้าใจดีถึงความกังวลเหล่านี้  และพร้อมมอบความสบายใจให้กับลูกค้าทุกคน เรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมดูแลและตรวจสอบการขนส่งอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าจะถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและตรงเวลา นอกจากนี้ เรายังมีบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการพิเศษของลูกค้า เช่น การติดรถไปพร้อมกับเราเพื่อให้คุณมั่นใจว่าทุกอย่างจะถูกต้องตามที่วางแผนไว้ อีกด้วยค่ะ

   
รถรับจ้างนครสวรรค์ ราคาเท่าไหร่

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริการ รถรับจ้างนครสวรรค์ จากขนส่ง และต้องการทราบเกี่ยวกับเรทราคารถรับจ้าง การเตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่คาดคิดในภายหลังค่ะ การให้ข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเสนอราคาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งข้อมูลที่ควรแจ้งคือ

    ประเภทของรถ : ระบุว่าคุณต้องการใช้รถประเภทไหน เช่น รถ 4 ล้อ, รถ 6 ล้อ หรือรถ 10 ล้อ
    จุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทาง : แจ้งที่อยู่เริ่มต้นและปลายทางเพื่อการคำนวณระยะทางและค่าบริการที่ถูกต้อง
    ปริมาณของสัมภาระ : บอกจำนวนและขนาดของสิ่งของที่ต้องการขนย้าย เช่น เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ หรือของชิ้นใหญ่
    วันที่และเวลาที่ต้องการขนย้าย : ระบุวันที่และเวลาที่คุณต้องการใช้บริการ เพื่อให้บริษัทสามารถจัดเตรียมรถและทีมงานให้ตรงตามความต้องการ
    บริการเสริม : ถ้าคุณต้องการบริการเสริม เช่น เด็กยก การจัดเก็บ ถอดประกอบ ควรแจ้งให้ชัดเจน


5
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


6
การเล่นกีฬา ในระหว่างการจัดฟันเด็ก สามารถทำได้หรือไม่

อย่างที่หลายๆท่านทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า ในยุคสมัยนี้มีนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ล้ำสมัย โดยมีชื่อว่า EF Line อุปกรณ์สำคัญในการจัดฟันในเด็กเล็ก ซึ่งได้ผลดีเกินคาด และได้รับการรองรับจากทันตแพทย์ทั่วโลกว่า เหมาะสมสำหรับเด็ก ลบความเชื่อผิดๆที่ว่าเด็กเล็กไม่ควรจัดฟันได้อย่างสิ้นเชิงซึ่งได้นำนวัตกรรมล้ำสมัยนี้มาใช้ กับเด็กเล้กที่มีอาการผิดปกติทางด้านโครงสร้างกระดูกขากรรไกรที่เป็นต้นเหตุหลักทำให้ใบหน้าผิดรูป รวมถึงการสบฟันผิดปกติในเด็กเล็ก ไม่เว้นแม้แต่พฤติกรรมที่ทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปากในอนาคตอีกด้วยแต่ก็ต้องขอบอกก่อนว่าเด็กเล็กๆ มักจะมีการต่อต้าน อุปกรณ์ทางทันตกรรม EF Line มากพอสมควร ซึ่งอยากให้ผู้ปกครองอย่าถอดใจและทำความเข้าใจในพฤติกรรม และแข็งใจให้บุตรหลานของท่านใส่ให้ได้ โดยรายละเอียดวิธีการใช้และแก้ปัญหามีดังต่อไปนี้
 

กฎสำคัญในการใส่ EF Line ในเด็กเล็ก

– สิ่งสำคัญที่สุดในการให้บุตรหลานของท่านใส่ EF Line คือ บุตรหลานของท่านต้องมีอายุ 4 ปี ขึ้นไป แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในอุปกรณืชิ้นนี้คือใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำหว่า 14 ปี
– ก่อนที่จะทำการใช้ อุปกรณ์ทันตกรรม EF Line ควรได้รับการวินิจฉัยจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น ไม่ควรหาซื้อมาใส่เอง เพราะ อุปกรณ์ EF Line จะถูกผลิตขึ้นมาใหม่ทุกครั้งเพื่อรับกับช่องปากและฟันของคนนั้นเท่านั้น และจะมีการวางรูปแบบในระยะยาว จึงไม่สามารถหาซื้อมาใส่เองหรือทำกับผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาในด้านนี้เฉพาะได้
– ในขณะที่ใช้อุปกรณ์ EF Line จะต้องอยู่ในการดูแลของทันตแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยตลอด มาตามนัดทันตแพทย์ผู้รักษาอย่าให้ขาด เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงที่สุดนั่นเอง


คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ EF Line

ต้องขอบอกเลยว่า เด็กเล็กๆหลายๆคนมีปัญหาในการใส่ EF Line เนื่องจากว่าในขณะที่ทำการใส่แรกๆนั้น จะเกิดความไม่เคยชินเนื่องจากว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาอยู่ในช่องปาก อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในบางตำแหน่ง และอาจจะเกิดบาดแผลเล็กๆได้ ซึ่งหากว่ามีบาดแผลในช่องปากให้ทำการทายาสำหรับช่องปาก ซึ่งอาจจะมีอาการเจ็บบ้างในระยะแรกๆ แต่ไม่นานแผลเหล่านั้น และอาการระคายเคืองจะหมดไปเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวตามธรรมชาติ หรือพยายามให้เด็กเล็กที่ใส่อุปกรณ์ EF Line ดื่มน้ำเยอะๆในขณะใส่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นภายในช่องปากก็สามารถลดการระคายเคืองได้ดีเช่นกัน

อีกสิ่งสำคัญที่มักจะทำให้ผู้ปกครองตกใจและให้บุตรหลานเลิกใส่นั่นก็คือ เมื่อทำการใส่ EF Line เด็กเล็กๆจะเริ่มมีอาการอยากอาเจียน บางคนถึงขั้นอาเจียนทุกครั้งเมื่อทำการใส่ ซึ่งถึงจะเป็นเช่นนั้นผู้ปกครองพยายามแข็งใจบังคับตนเองให้ใส่ EF Line ให้บุตรหลานให้ได้ เพราะ เมื่อใส่ไประยะหนึ่งจะเกิดความเคยชินและก็จะไม่เกิดอาการอยากอาเจียนอีก

หากต้องทำการใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม EF Line ให้เด็กเล็กๆ ผู้ปกครองควรเชื่อฟันคำแนะนำจากทันตแพทย์ ใจแข็ง ให้นึกไว้เสมอว่าหากไม่ให้บุตรหลานใส่อนาคตอาจจะต้องเสียใจเพราะบุตรหลานของท่านอาจมีฟันและโครงหน้าที่ผิดปกติและจะทำให้เกิดการรักษายากขึ้นมากตามอายุนั่นเอง

 
วิธีใส่ EF Line ที่ถูกต้อง

– กลางวัน
การใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม EF Line ในช่วงเวลากลางวัน หรือตอนตื่นนอน ควรเลือกเวลาให้ใส่ติดปากห้ามถอดออกเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งในขณะที่ใส่นี้ผู้ปกครองควรสังเกตพยายามให้บุตรหลานอยู่นิ่งๆ ไม่เอานิ้วเข้าปาก ไม่เคี้ยวอุปกรณ์เล่น ปิดปากให้สนิทไม่พูดคุยในขณะที่ทำการใส่อยู่เพื่อเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบปาก

– กลางคืน
ในเวลากลางคืนนี้ถือได้ว่าไม่ยุ่งยาก เนื่องจากว่าให้ใส่ก่อนจะเข้านอน โดยต้องทำการใส่ติดปากห้ามถอดในขณะนอนหลับ เป็นระยะเวลา 10 ชั่วโมง
 
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องที่ควรรู้ในการให้บุตรหลานหรือเด็กเล็กๆใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม EF Line โดยผู้ปกครองจะต้องใจแข็งและตั้งใจไปกับบุตรหลานของท่านด้วย เพียงเท่านี้อาการผิดปกติในช่องปากต่างๆก็จะกลับมาเป็นปกติอันรวดเร็วตามระเบียบของเด็กและผู้ปกครองด้วย

7
รถรับจ้างราคาถูก รถรับจ้างอุดรธานี ขนย้ายของอย่างไรให้รวดเร็วและปลอดภัย

วันนี้จะพาคุณไปทำการวางแผนการ ขนย้ายของ ให้รวดเร็วและปลอดภัยกันค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่าการขนย้ายของต้องการความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าของที่ขนย้ายนั้นจะเป็นอะไร ย้ายบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ย้ายร้าน ย้ายไซต์งาน ขนย้ายต้นไม้ หรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ แน่นอนค่ะว่าถ้าหากขาดการเตรียมตัวที่ดี อาจเกิดความล่าช้าและเกิดความเสียหายต่อของที่คุณขนย้ายได้ค่ะ ดังนั้นวันนี้ รถรับจ้างอุดรธานี จะช่วยคุณให้การขนย้ายของรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ และควรจัดการดังนี้ค่ะ


1. วางแผนล่วงหน้า

ก่อนเริ่มต้นการขนย้าย แน่นอนว่าจะต้องทราบวัน-เวลา ที่แน่นอน โดยการกำหนดวันและเวลาในการขนย้ายล่วงหน้า เพื่อให้สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบค่ะ เมื่อได้วันแล้ว จำเป็นต้องสำรวจของ จำนวนและขนาดของสิ่งของที่ต้องขนย้าย เพื่อเลือกวิธีการขนย้ายที่เหมาะสม เลือกรถที่เหมาะสม รถกระบะ รถหกล้อ รถสิบล้อ การเลือกรถที่เหมาะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ค่ะ ต้องจัดทำรายการสิ่งของที่ต้องขนย้ายด้วยนะคะ เพื่อป้องกันการสูญหายและช่วยให้การขนย้ายมีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


2. ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลด และป้องการ ให้ของที่เราขนย้ายปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ โดยการใช้กล่องกระดาษหรือภาชนะที่แข็งแรงเพื่อรองรับน้ำหนักของที่ขนย้าย ห่อหุ้มสิ่งของที่เปราะบางด้วยวัสดุป้องกัน เช่น พลาสติกกันกระแทก ฟองน้ำ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ จากนั้นควรใช้เทปกาวที่แข็งแรงปิดกล่องให้แน่นหนา ป้องกันการหลุดร่วงของสิ่งของระหว่างขนย้ายค่ะ


3. จัดระเบียบการขนย้ายให้เป็นระบบ

เมื่อทำการแพ็ก ห่อของที่ขนย้ายเรียบร้อยแล้ว รถรับจ้างอุดรธานี ขั้นตอนต่อไปคือการที่แยกประเภทของสิ่งของที่ต้องขนย้าย เช่น ของหนัก ของเปราะบาง ของใช้ประจำวัน เพื่อให้สามารถจัดเรียงได้อย่างเหมาะสม อีกอย่างคือติดฉลากบนกล่องให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการจัดวางและแกะออกเมื่อถึงที่หมายค่ะ การจัดเรียงกล่องขณะ ขนย้าย ก็มีความสำคัญเช่นกันค่ะ ควรที่จะวางกล่องของที่มีน้ำหนักไว้ด้านล่างและของเบาไว้ด้านบน เพื่อลดความเสี่ยงที่ของจะเสียหาย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ


4. เลือกวิธีการขนย้ายที่ปลอดภัย

หากขนย้ายด้วยตนเอง ควรใช้รถขนของที่เหมาะสมกับปริมาณและขนาดของสิ่งของ ใช้อุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ อย่าง เชือกหรือสายรัด ยึดของขณะขนย้ายเพื่อป้องกันสิ่งของเคลื่อนที่ระหว่างการขนส่งค่ะ แต่เพื่อความ สะดวก สบาย การที่เลือกใช้บริการขนส่งก็จะช่วยคุณได้เยอะค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วบริษัทขนส่งจะมีประสบการณ์ในการขนย้ายและมีอุปกรณ์เซฟตี้ครบครันค่ะ แต่การเลือกบริการรถรับจ้างควรเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าคุณเองยังไม่มีเจ้าอื่นในใจ ลองเปิดใจให้ขนส่ง เป็นผู้ช่วยในการขนย้ายของคุณนะคะ


5. ระมัดระวังระหว่างการขนย้าย

แน่นอนว่าการเลือกที่จะขนย้ายของเองจำเป็นต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะคุณเองอาจจะไม่มีประสบการณ์มายกของหนักๆ มาก่อนค่ะ รถรับจ้างอุดรธานี วิธียกของที่ถูกวิธีควรใช้ท่าทางที่ถูกต้อง โดยการงอเข่าและใช้แรงจากขาแทนที่จะใช้หลัง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บค่ะ หลีกเลี่ยงการลากหรือโยนสิ่งของที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย หากขนย้ายในพื้นที่แคบหรือมีสิ่งกีดขวาง ควรมีผู้ช่วยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ทั้งต่อตัวคุณเอง และต่อสิ่งของที่คุณขนย้ายด้วยค่ะ


6. ตรวจสอบหลังการขนย้าย

เมื่อการขนย้ายเสร็จสิ้น ควรเช็กสภาพสิ่งของหากพบความเสียหายควรดำเนินการแก้ไขทันที การที่ติดป้ายไว้บนกล่องจะช่วยให้สามารถจัดวางสิ่งของตามหมวดหมู่ที่กำหนดไว้ได้ค่ะ เพื่อลดเวลาการจัดเก็บภายหลัง ตรวจสอบว่ามีสิ่งของสูญหายหรือไม่ โดยใช้รายการที่จัดทำไว้ก่อนหน้านี้ตรวจสอบค่ะ

เพียงแค่นี้ก็สามารถ ขนย้ายของ ให้รวดเร็วและปลอดภัยแล้วค่ะ เพียงแค่อาศัยการวางแผนที่ดี การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม และความระมัดระวังในการขนย้ายค่ะ การที่ดำเนินการตามขั้นตอนที่แนะนำนี้ รับรองว่าจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและทำให้การขนย้ายเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

บริการรถรับจ้างอุดรธานี ขนย้ายง่าย สบายใจ ปลอดภัย 100% บริการขนย้ายครบวงจร ทั้งบ้าน หอพัก สำนักงาน และสินค้า รวดเร็ว ตรงเวลา ราคากันเอง ไม่มีบวกเพิ่ม ทีมงานมืออาชีพ ดูแลของคุณเหมือนเป็นของเราเอง ให้บริการทั่วอุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียงค่ะ

8
การให้สารอาหารทางเส้นเลือดและอาหารสายยาง

หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อน การให้อาหารนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่เพียงจากทางปาก หรือการใส่สายยางให้อาการลงสู่กระเพาะอาหารแล้วนั้น การดูแลผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องได้รับแผนการรักษาที่ถูกต้อง หนึ่งในนั้นคือด้านอาหาร อาหารนั้นคือสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะตกอยู่ในภาวะที่เจ็บป่วยหรือไม่เจ็บป่วย อาหารจะเป็นหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนร่างกายให้ทำงานสู่ระบบสู่ภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบเซลล์ รวมไปถึงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆในร่างกาย ที่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตประจำวัน ปกติได้ วันนี้เราจะมาพูดถึงการให้อาหารผู้ป่วยผ่านหลอดเลือด

ซึ่งการให้อาหารแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ แม้ว่าการกินอาหารทางปากตามปกติจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรทำมากที่สุด แล้วก็ตาม แต่ในผู้ป่วยบางท่านไม่สามารถรับอาหารได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากจะเกิดผลจากการรักษา  เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งบริเวณศีรษะ ลำคอ หลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร เป็นต้น ที่มีผลต่อการรับประทานอาหารทางปาก ผู้ป่วยอาจมีความจำเป็นที่จะ ต้องรับอาหารทางท่อสายยางเข้าสู่กระเพาะอาหารหรือให้ทางเส้นเลือด โดยรับสารอาหารในสูตรต่าง ๆ จากการเลือกของแพทย์ โดยมากมักเป็นของเหลวที่ประกอบด้วย น้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน หรือเกลือแร่ ซึ่งเลือกให้ตามความต้องการและวิธีการให้สารอาหาร

แม้ว่า การให้สารอาหารเสริมจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้แต่วิธีการนี้ก็อาจจะมีความ เสี่ยงและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเสมอ รู้จักว่าผลข้างเคียงจากการให้ผ่านทางสายยางให้อาหารลงสู่กระเพาะอาหาร อาจจะแตกต่างกับการให้อาหารผ่านเส้นเลือดก็เป็นได้ การให้อาหารเสริม มีประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อยได้  หรือแม้แต่กรณีผู้ป่วยไม่สามารถดูดซึมอาหารได้ และมีรูหรือการรั่วไหลในกระเพาะอาหารหรือช่องท้อง และยังมีอาการไม่สามารถดื่มหรือกินอาหารได้เป็นเวลานานกว่า 5 วัน และยังมีความเสี่ยงของการขาดสารอาหารในระดับปานกลางขึ้นไป อาการทั้งหลายเหล่านี้ก็จำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือด

อาหารผ่านทางเส้นเลือดจะแตกต่างจากการให้ผ่านทางกระเพาะอาหารโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นการให้สารอาหารแก่ผู้ป่วยผ่านทางระบบเลือด โดยจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับอาหารทางปากหรือทางกระเพาะอาหารได้  โดยจะเป็นการให้สารอาหารเข้าสู่ระบบเลือดโดยไม่ผ่านระบบการย่อยอาหารของผู้ป่วยใด ๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่กระเพาะอาหารและลำไส้ถูกตัดออกไปหรือไม่สามารถทำงานได้ หรือกลุ่มมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน และยังมีอาการเจ็บในช่องปาก หรือหลอดอาหาร หรือมีรูรั่วในกระเพาะอาหารหลอดอาหาร และสุดท้ายมีอาการสูญเสียมวลร่างกายและกล้ามเนื้อ ปัจจัยต่าง ๆของการเจ็บป่วยทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนจำเป็นต้องการการให้อาหารผ่านทางเส้นเลือด


เนื่องจากว่าเป็นการให้อาหารผ่านทางเส้นเลือดโดยตรง เข้าสู่ระบบร่างกายได้โดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ให้จะต้องมีความเชี่ยวชาญที่จะสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะของเหลวที่นำมาให้ผ่านทางหลอดเลือดนั้น จะสามารถเข้าสู่ร่างกายตรงสู่หัวใจได้ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อหลังให้อาหารทางหลอดเลือด การสังเกตอาการหลังให้ทันทีนั้นจำเป็นมากที่สุด ผู้ป่วยอาจมีภาวะแพ้ หรือร่างกายไม่สามารถรับสารอาหารนี้ได้ หากผู้ป่วยมีผลข้างเคียงอย่างชัดเจน อาจจะถึงอันตรายแก่ชีวิตได้ แต่ถ้าหากผู้ป่วยนั้นไม่มีผลข้างเคียงกับสารอาหารที่ให้ผ่านทางเส้นเลือด ก็จะถือว่าสารอาหารนั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น สามารถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน

ในการดูแลผู้ป่วย มีมุ่งหมายอย่างเพียงอย่างเดียวคือต้องการให้ผู้ป่วย หายจากอาการเจ็บป่วย ณ ขณะนั้นที่เป็นอยู่ การให้อาหารที่ถูกต้องและควรแก่ร่างกายของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยู่ในแผนการรักษาของแพทย์ หากขาดสิ่งสำคัญไปอย่างใดอย่างหนึ่ง อาการดำเนินของโรคผู้ป่วยก็อาจจะล่าช้าลงไป หากใช้เพียงอาหารแก่ผู้ป่วยอย่างเดียว ไม่ได้รับยารักษา ก็ทำให้อาการของโรคดำเนินไปได้ช้าเช่นกัน หรือแม้แต่การได้รับยาเพียงอย่างเดียว ไม่รับอาหาร ก็จะสังเกตได้ว่าอาการของโรคก็ดำเนินไปช้าได้เช่นกัน

จึงทำให้เราเห็นได้แล้วว่า การบำบัดผู้ป่วยด้วยอาหารนั้น ความสำคัญมากน้อยเพียงใด จึงพยายามคิดค้นสูตรอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินการของโรค เป็นไปอย่างราบลื่น เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยดูแลและใส่ใจ มีสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์ของเราออกมามีคุณภาพ ทำให้คุณสามารถไว้ใจในผลิตภัณฑ์ของเราได้ อย่างมั่นใจ

9
หมอออนไลน์: เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri/Uterine fibroids)

เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri/Uterine fibroids)* เป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา ไม่ใช่เนื้อร้าย (มะเร็ง) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 25 ของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักพบในผู้หญิงอายุ 35-45 ปี แต่อาจพบในหญิงสาวก็ได้

เนื้องอกอาจมีขนาดต่าง ๆ กันไป อาจเป็นก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ บางชนิดโตช้า แต่บางชนิดโตเร็ว

อาจเกิดอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก (ซึ่งเป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อล้วน ๆ เรียกว่า “Myomauteri”) ซึ่งอาจงอกเข้าไปในโพรงมดลูก หรืออยู่ที่ผนังด้านในหรือด้านนอกของมดลูก (ซึ่งเป็นเนื้องอกของเนื้อเยื่อพังผืดผสมกับเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ เรียกว่า “Uterine fibroid”) ซึ่งอาจงอกเข้าไปในช่องท้อง

* มีชื่อเรียกอื่น เช่น leiomyoma. fibromyoma


สาเหตุ

เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกที่เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์กล้ามเนื้อมดลูก จนกลายเป็นก้อนเนื้องอกที่มีลักษณะเป็นก้อนหยุ่น ๆ สีซีด แตกต่างจากเนื้อเยื่อโดยรอบ ซึ่งสาเหตุของการเกิดเนื้องอกมดลูกยังไม่ทราบแน่ชัด

บางรายอาจมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว จึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางกรรมพันธุ์

พบว่าฮอร์โมนเอสโทรเจนมีส่วนกระตุ้นให้เนื้องอกมดลูกเจริญเติบโต เช่น ขณะตั้งครรภ์ เนื้องอกมักจะมีขนาดโตขึ้น แต่เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เนื้องอกก็จะฝ่อเล็กลงได้เอง นอกจากนี้ยังพบว่าในเนื้องอกมดลูกมีตัวรับ (receptor) เอสโทรเจนมากกว่าปกติ


อาการ

ถ้าก้อนขนาดเล็กอาจไม่มีอาการแสดง มักตรวจพบโดยบังเอิญ ขณะที่แพทย์ทำการตรวจภายในช่องคลอดหรือตรวจอัลตราซาวนด์บริเวณท้องน้อยด้วยสาเหตุอื่น

ถ้าก้อนขนาดโต มักมีเลือดออกมากหรือกะปริดกะปรอยคล้ายดียูบี แต่มักจะมีอาการปวดประจำเดือนร่วมด้วยหรือปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย หรือปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง

บางรายก้อนเนื้องอกอาจโตกดอวัยวะข้างเคียงทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย ท้องผูก หรือมีอาการปวดเฉียบขณะร่วมเพศ

ถ้าก้อนโตมาก ๆ อาจคลำได้ก้อนที่บริเวณท้องน้อยหรือมีอาการท้องโตคล้ายคนท้อง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เลือดออกมากจนซีด (โลหิตจาง)

ก้อนเนื้องอกอาจโตกดถูกท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย หรือมีความรู้สึกเวลาปวดปัสสาวะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที หรือปัสสาวะไม่ออก บางรายอาจมีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะแทรกซ้อน บางรายอาจกดถูกท่อไต ทำให้เกิดภาวะท่อไตบวมและคั่งน้ำ (hydroureter) และภาวะกรวยไตบวมและคั่งน้ำ (hydrohephrosis)

ถ้ากดถูกทวารหนักก็ทำให้มีอาการท้องผูก ริดสีดวงทวารกำเริบได้

ถ้ากดถูกท่อรังไข่ก็อาจทำให้มีบุตรยาก

ขณะตั้งครรภ์ ก้อนเนื้องอกอาจโตขึ้นรวดเร็วจนทำให้แท้งบุตร หรือคลอดลำบาก

บางรายก้อนเนื้องอกอาจโตยื่นออกนอกมดลูก โดยมีก้านเชื่อมกับมดลูก บางครั้งอาจเกิดการบิดของขั้วเนื้องอก ทำให้เกิดอาการปวดท้องฉับพลันรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยขั้นต้นจากอาการ จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจภายในช่องคลอด พบก้อนเนื้องอกและอาจต้องตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้กล้องส่องตรวจช่องท้องหรือโพรงมดลูก ตรวจชิ้นเนื้อ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็ก อาจไม่ต้องทำอะไร และจะนัดไปตรวจทุก 6-12 เดือน ในผู้หญิงที่มีอายุ 45
ปีขึ้นไปหรือหลังวัยหมดประจำเดือน ก้อนเนื้องอกอาจยุบลงได้เอง เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโทรเจน (ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้เนื้องอกเจริญ)

2. ในรายที่มีเลือดออกกะปริดกะปรอย แพทย์จะทำการขูดมดลูกและส่งตรวจชิ้นเนื้อ (เพื่อแยกสาเหตุจากมะเร็ง) ให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อควบคุมภาวะเลือดออกและอาการปวดท้องน้อย หากหยุดยาก็จะมีเลือดออกได้อีกและยานี้อาจทำให้เนื้องอกโตขึ้นได้

3. ถ้าก้อนมีขนาดโต แพทย์อาจให้ยาเพื่อทำให้ก้อนเนื้องอกเล็กลง และบรรเทาอาการปวดท้องหรือเลือดออก ซึ่งเป็นการรักษาชั่วระยะหนึ่งก่อน ยาที่ใช้รักษา เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (อาจให้เดี่ยว ๆ หรือร่วมกับโพรเจสติน)

บางรายแพทย์อาจให้ยากระตุ้น gonadotropin releasing hormone ฉีดเดือนละครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ก้อนเนื้องอกเล็กลงเพื่อเตรียมพร้อมก่อนผ่าตัด ช่วยให้ผ่าตัดง่ายขึ้น ขณะและหลังผ่าตัดมีเลือดออกน้อย ช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น

4. การผ่าตัด จะเลือกทำในกรณีที่มีก้อนเนื้องอกโตมาก มีเลือดออกมาก ซีด ปวดท้องรุนแรง หรือมีอาการปวดท้องน้อยหรือปวดหลังเรื้อรัง หรือถ่ายปัสสาวะบ่อย จนไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ

ในรายที่เนื้องอกก้อนเล็ก หรือผู้ป่วยยังต้องการมีบุตร แพทย์จะผ่าตัดเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้องอกออกไป
ซึ่งในปัจจุบันสามารถใช้วิธีผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องเข้าช่องท้อง (lapraroscopic myomectomy) หรือเข้าโพรงมดลูก (hysteroscopic myomectomy)

ในรายที่ก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่และไม่ต้องการมีบุตรก็จะผ่าตัดเอามดลูกออกทั้งหมด (hysterectomy) ซึ่งอาจใช้วิธีเปิดแผลเข้าหน้าท้องหรือทางช่องคลอด

ผลการรักษา หลังผ่าตัดมักจะหายขาดและไม่มีภาวะแทรกซ้อนตามมาภายหลัง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีประจำเดือนออกมากหรือกะปริดกะปรอย ปวดประจำเดือนมาก มีอาการปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย หรือปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง หรือคลำได้ก้อนที่บริเวณท้องน้อยหรือมีอาการท้องโตคล้ายคนท้อง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกมดลูก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


ข้อแนะนำ

1. ผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดนานกว่า 7 วัน อาจมีสาเหตุจาก ดียูบี เนื้องอกมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุมดลูก โรคเลือด เป็นต้น จึงควรไปตรวจที่โรงพยาบาลโดยเร็ว (ตรวจอาการเลือดออกทางช่องคลอด/ประจำเดือนออกมากกว่าปกติ/ตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มเติม)

2. เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกธรรมดาไม่ใช่มะเร็ง เนื้องอกมดลูกส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ไม่มีอาการแสดง ไม่มีอันตรายใด ๆ และไม่จำเป็นต้องให้การรักษาแต่อย่างใด ส่วนน้อยที่มีอาการก็สามารถรักษาให้หายขาดได้



10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


หน้า: [1] 2 3 ... 158
โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google