รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2023 สเปกเครื่องแน่น ราคาไม่แรง

  • 0 ตอบ
  • 1249 อ่าน
สำหรับใครที่กำลังแพลนว่าปีนี้จะซื้อรถยนต์สักคัน แต่ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกซื้อรถยนต์ทั่วไป หรือ รถยนต์ไฟฟ้า แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยนั้นมีรุ่นให้เลือกน้อย ก็ต้องบอกเลยว่ารถยนต์ไฟฟ้า 2023 ในไทย เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อชั้นนำ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนมากที่มีเพียงไม่กี่ค่าย และเพื่อช่วยให้ทุกคนได้ตัดสินใจง่ายขึ้น


1. Toyota bZ4X

Toyota เป็นบริษัทผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X เป็นรถที่ได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์ Subaru ดีไซน์สวยงามดูทันสมัย หลายคนน่าจะได้เห็นกันแล้วในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ขนาดตัวรถกำลังดี เหมาะสำหรับครอบครัว สามารถขับไปเที่ยวต่างจังหวัดได้สบาย รถยนต์รุ่นนี้จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และ Toyota bZ4X รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นมีหลังคาเป็น Solar roof อีกด้วย

สเปกเครื่องยนต์

    โครงสร้างรถยนต์มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
    ไฟหน้าและไฟท้ายใช้แบบ LED ให้ความสว่างได้ดีและดีไซน์สวย
    มีฟังก์ชันสั่งเปิดแอร์ล่วงหน้า หรือสั่งล็อกประตูรถผ่านสมาร์ทโฟนได้
    มีฟังก์ชันจอดรถให้อัตโนมัติ สามารถสั่งการผ่านมือถือสมาร์ทโฟนได้ง่าย ๆ
    แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 71.4 kWh วิ่งไกลถึง 460-500 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับระบบขับเคลื่อน)
    รองรับ Fast Charging กำลังไฟสูงสุด 150 kW จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาเพียง 30 นาที เท่านั้น แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
    ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า มีพละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 256 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.4 วินาที
    ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีพละกำลังสูงสุด 215 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 336 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 7.7 วินาที
    ราคาประมาณ 2,000,000 – 2,200,000 บาท


2. POCCO

ใครกำลังเล็งว่าจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก ตั้งงบไว้ไม่เกิน 500,000 บาท เราแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ POCCO มาพร้อมคอนเซ็ปต์การผลิตผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ดีไซน์สุดน่ารัก ขนาดกะทัดรัด ระยะทางขับขี่ 116-178 กม. สะดวกในการเดินทาง หาที่จอดรถก็ง่ายมาก โดยมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MM แบบ 3 ประตู และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น DD แบบ 5 ประตู ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะแบ่งแยกย่อยออกไปเป็นรุ่นต่าง ๆ โดยจะมีดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานแตกต่างกันพอสมควร ส่วนราคาก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่

สเปกเครื่องยนต์ รุ่น MM แบบ 3 ประตู

    ดีไซน์น่ารัก ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับ 2 คน
    สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
    ระบบไฟหน้าแยกส่วน คือ ด้านบนเป็นไฟ DRL ที่เป็นแถบไฟ LED ขนาดเรียวเล็กอยู่ใต้กระโปรง ส่วนไฟส่องสว่างจะเป็นไฟฮาโลเจนทรงกลมอยู่บนกรอบโครเมียม
    ที่ชาร์จประจุไฟอยู่ด้านหน้า ล้ออัลลอยสีทูโทนมีขนาดประมาณ 13 นิ้ว
    พละกำลังจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมีขนาด 29 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ซึ่งทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่น)
    ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM YX มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 9.2 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 116 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM ZX แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 14.0 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 170 กิโลเมตร
    ราคาประมาณ 399,000 – 469,000 บาท

สเปกเครื่องยนต์ รุ่น DD แบบ 3 ประตู

    ดีไซน์น่ารัก สีสันพาสเทล ๆ ขนาดเล็กกะทัดรัด
    สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
    ภายในรถกว้างขวาง นั่งสบาย ไปเที่ยวได้ทั้งครอบครัว
    ระบบไฟหน้ามีขนาดใหญ่จะอยู่ในในโคมเดียวกัน มีทั้งไฟเลี้ยวที่เป็นหลอดไส้ และไฟส่องสว่างแบบฮาโลเจน
    ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า PMSM มีขนาด 39 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ซึ่งทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. (ขึ้นอยู่แต่ละรุ่น)
    ถ้าเป็น POCCO รุ่น DD L มีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 10.3 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 128 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็น POCCO รุ่น MM DD K แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 14.5 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 178 กิโลเมตร
    ราคาประมาณ 389,000 – 449,000 บาท


3. MG ZS EV

หากพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า MG หลายคนน่ารู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นอีกหนึ่งค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยม และมีหลายคนได้รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า 2023 กันเยอะมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV ก็ได้ปรับโฉมใหม่ให้เป็น NEW MG ZS EV มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว สวยงามกว่าเดิม ซึ่งเป็นรถ SUV ขนาดพื้นที่ด้านในกว้างขวางนั่งสบาย เหมาะสำหรับครอบครัว มีฟังก์ชันจัดเต็ม พร้อมนวัตกรรมอัจฉริยะอีกเพียบ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มีระบบความปลอดภัยมาตรฐานจากยุโรป และเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภายในรถยนต์ไฟฟ้ามีระบบกรองอากาศ PM 2.5 ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย และมัลติมีเดียความบันเทิงมากมาย นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV อีกรุ่นที่อยากแนะนำ ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ

สเปกเครื่องยนต์

    รถยนต์ไฟฟ้า SUV ดีไซน์สวย สีสันสดใส
    มีฟังก์ชันความปลอดภัยในการขับขี่มากถึง 9 ระบบ
    มีให้เลือกมาถึง 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีเงิน, สีแดง,  สีดำ และสีขาว
    ตัวกระจังหน้า และกันชนหน้าจะเป็นแบบ GRILLE-LESS DESIGN
    มีล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover
    แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 44.5 kWh ให้ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 403 กิโลเมตร
    มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ทำให้ส่งกำลังได้ดีเยี่ยม และช่วยระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น
    รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
    มีพละกำลังการขับเคลื่อนสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.6 วินาที
    ราคาประมาณ 1,190,000 บาท


4. MG EP PLUS

ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า MG EP PLUS เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับรุ่น MG ZS EV เลย ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกต่อยอดมาจาก EP รุ่นสแตนดาร์ด มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการขับขี่ และยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าให้กับเราได้อีกด้วย ภายในตัวรถยนต์มีระบบกรองอากาศ PM 2.5 สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด และรถรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับคนรักการเดินทาง รักการท่องเที่ยว เพราะว่าตัวรถจะมีราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม มาพร้อมแบตเตอรื่ที่วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร และมีฟังก์ชันการขับขี่มากมาย และระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล หากใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า 2023 ในไทย ราคาไม่สูงมาก ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน MG EP PLUS รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

สเปกเครื่องยนต์

    รถยนต์ไฟฟ้า SUV ดีไซน์สวย ดูเท่ห์สมาร์ท
    ภายในรถกว้างขวาง มีที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถขนาดใหญ่
    ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
    มีจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay
    พร้อมกล้องมองภาพขณะถอยหลัง และมีระบบเซ็นเซอร์กะระยะท้ายรถยนต์
    แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ขนาดความจุ 50.3 kWh วิ่งได้สูงสุด 380 กิโลเมตร
    สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้ ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์จเร็วแค่ 40 นาทีเท่านั้น
    ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม 8.8 วินาที
    ราคาประมาณ 771,000 บาท (ราคาใหม่ที่ปรับลดลงมาจากราคาเดิม 998,000 บาท)


5. Volvo C40 Recharge Pure Electric

สำหรับรถยนต์ Volvo นับว่าเป็นอีกแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้ Volvo ได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ถ้าใครชอบการท่องเที่ยว อยากได้รถออกแนวสปอร์ตหน่อย เราแนะนำให้เลือกเป็น รุ่น C40 Recharge Pure Electric ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มาพร้อมดีไซน์โฉมเฉี่ยว สวย ทันสมัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทค มีฟังก์ชันที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Google รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Google Assistant, Google Maps และ Google Play จัดเต็มความบันเทิงทั้งเครื่องเสียง Premium ลำโพงรอบตัวรถยนต์ มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย เป็นต้น

สเปกเครื่องยนต์

    ระบบไฟหน้าแบบ LED Pixel Technology
    มีระบบประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือ
    ภายในรถยนต์ยังมีระบบควบคุมคุณภาพอากาศ Clean Zone พร้อมเซ็นเซอร์วัดค่า PM 2.5
    แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ขนาดความจุ 78 kWh วิ่งได้สูงสุด 500 กิโลเมตร
    ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Dual Motor AWD ด้วยพละกำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.7 วินาที
    รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 37 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
    ระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive สามารถจะทำได้ทั้งเร่ง ชะลอความเร็ว และเบรกรถได้ด้วยแป้นแป้นเดียว
    ราคาประมาณ 2,750,000 บาท


6. ORA Good Cat รุ่น 400 TECH

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat รุ่น 400 TECH ดีไซน์น่ารักคิกขุ สีสันสวยสดใส ใครได้เห็นก็ต้องหลงรัก ถูกใจสาว ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์นี้เปิดตัวสร้างกระแสโซเชียล ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ล้ำสมัยแฝงไปด้วยความคลาสสิก โดดเด่นด้วยไฟหน้าเป็นแบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง Cat Eye งานนี้บอกเลยว่าถูกใจทาสแมว ภายในตัวรถกว้างกำลังดี นั่งได้สบาย ตรงหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถที่มีความละเอียดสูง มีหน้าจอแสดงผลในการขับขี่แบบดิจิตอล มีฟังก์ชันการสั่งด้วยเสียงอัจฉริยะ สามารถควบคุมการทำงานต่าง ๆ ได้ พร้อมด้วยมัลติมีเดีย ความบันเทิงที่จัดเต็ม ถ้าใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก ดีไซน์น่ารัก ฟังก์ชันครบ ใช้งานง่าย รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดี

สเปกเครื่องยนต์

    ระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Command
    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมกรองฝุ่น PM2.5
    สามารถรองรับ Apple CarPlay / Android Auto ได้ดี
    ไฟหน้า LED อัจฉริยะ / ไฟท้าย LED / ไฟตัดหมอกท้าย
    สามารถดูสถานะรถยนต์ได้ผ่าน ระบบ GWM Application
    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ขนาดความจุ 47.78 kWh วิ่งได้สูงสุด 400 กิโลเมตร
    มีระบบการเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ทำให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ  ปิดหน้าต่างรถ
    มัลติมีเดียครบครัน ทั้ง Bluetooth / MP5, ลำโพง 4 ตำแหน่ง, ช่อง USB 2 ตำแหน่ง, สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือ
    ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 kW หรือประมาณ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 152 กม./ชม. เร่งความเร็ว 0-50 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที
    ราคาประมาณ 828,500 บาท (ราคาใหม่ที่ปรับลดลงมาจากราคาเดิม 989,000 บาท)


7. Nissan Leaf

ถ้าพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ต้องนึกถึงรถยนต์แบรนด์ Nissan ที่เข้ามาเมืองไทยเป็นเจ้าแรก ๆ ทำให้คนไทยได้รู้จักและใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์สวย ทันสมัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีในการขับขี่ที่เพิ่มเร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว รวมถึงการเบรกรถยนต์ด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว มีระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์ในการระหว่างการขับขี่ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยกล้องอัจริยะมองภาพรอบทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบายการขับขี่มากขึ้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่นที่เหมาะสำหรับครอบครัว

สเปกเครื่องยนต์

    ชาร์จเพียงครั้งเดียวขับขี่ได้ไกลมาก ๆ
    ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control)
    เพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้องอัจริยะมองภาพรอบทิศทาง
    หากมีความเสี่ยงในการชนรถยนต์ด้านหน้าจะมีระบบช่วยเตือนให้
    มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจริยะ Forward Emergency Braking (FEB)
    รุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็ว จะให้กำลังไฟจาก 0-80% ใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาที
    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ ขนาดความจุ 40 kWh วิ่งได้สูงสุด 311 กิโลเมตร
    ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 57 kW หรือประมาณ 149 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.9 วินาที
    ราคาประมาณ 1,990,000 บาท


8. Fomm ONE

รถยนต์ไฟฟ้า Fomm ONE แบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่มาผลิตประกอบในเมืองไทย ดีไซน์สุดน่ารัก ขนาดเล็กกระทัดรัด สามารถนั่งได้ถึง 4 คน เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง ขับในระยะใกล้ ๆ ชาร์จด้วยไฟฟ้าบ้านได้ใช้เวลาประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะไกลถึง 160 กิโลเมตร และจุดเด่นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้คือสามารถลอยน้ำได้เหมือนกับเรือ ด้วยการออกแบบทำให้เจอกับสถานะการน้ำท่วมได้สบาย แต่ถ้าใครอยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ไปเที่ยวต่างจังหวัด รถรุ่นนี้อาจจะยังไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่น้า ลองมาดูสเปกรุ่นนี้กัน

สเปกเครื่องยนต์

    ดีไซน์น่ารักเล็กกระทัดรัด
    สีสันสวยสดใส มีให้เลือกมากถึง 7 สี
    สามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้าที่บ้านได้สบาย
    ได้ผ่านมาตรฐานรถยนต์ขนาดเล็ก L6e จากยุโรป
    แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมแมงกานีส ขนาด 2.96 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 160 กิโลเมตร
    ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 kW หรือประมาณ 13.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-80 กม./ชม.
    ราคาประมาณ 499,900 บาท


9. MINI Cooper SE

ใครที่ชอบรถยนต์คันเล็ก ๆ สไตล์มินิ ต้องที่นี่ รถยนต์ไฟฟ้า MINI Cooper SE ดีไซน์สวย โฉบเฉี่ยว ดูดีทันสมัย สีสันสวยงาม มาพร้อมเอกลักษณ์ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ทซึ่งเป็นตำนานของ MINI ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ก็จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ชาร์จแบตเตอรี่ครั้งหนึ่งขับได้ไกลถึง 217 กิโลเมตร เรียกได้ว่าสามารถขับไปต่างจังหวัดได้เลย จัดเต็มมากับเทคโนโลยีการขับขี่ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ และยังรองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2 ถ้าใครสนใจลองไปชมกันที่โชว์รูมได้เลย

สเปกเครื่องยนต์

    ดีไซน์สวย สไตล์โกคาร์ท
    มีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 4 รูปแบบ
    จอแสดงผลในการขับขี่เป็นสีดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว
    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 32.6 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 217 กิโลเมตร
    พละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-60 กม./ชม. ภายในเวลา 3.9 วินาที
    รุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็ว จะให้กำลังไฟจาก 0-50% ใช้เวลาเพียงแค่ 36 นาที
    แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จได้ทั้งแบบมาตรฐาน และสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallbox ที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์
    ราคาประมาณ 2,290,000 บาท


10. LEXUS UX 300e

แบรนด์หรูอย่าง LEXUS ที่ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Lexus UX 300e ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของเล็กซัส ดีไซน์หรูหรา ล้ำสมัย ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุระดับพรีเมียม ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Smooth Leather สามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางคู่หน้า ยังมีระบบระบายอากาศคู่หน้า รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto มีระบบแผนที่คอยนำทางในตัวอีกด้วย ไม่ต้องซื้อ GPS มาติดตั้งเพิ่ม จัดเต็มด้วยความบันเทิงครบครัน ทั้งเครื่องเสียง Mark Levinson 13 ลำโพง และก็ยังรองรับระบบชาร์จไฟไร้สายได้อีกด้วย

สเปกเครื่องยนต์

    มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
    ติดตั้ง Lexus Safety System Plus เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
    ระบบเครื่องยนต์สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay/Android Auto
    แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 54.35 kWh ขับขี่ได้เป็นระยะทาง 300 กิโลเมตร
    มอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 160 กม./ชม.
    รองรับการชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ ชาร์จไฟแบบธรรมดา และชาร์จไฟแบบเร็ว ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มพร้อมใช้งานได้ทันที
    ราคาประมาณ 3,490,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี 2023 สเปกเครื่องแน่น ราคาไม่แรง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/?fuel_type=4078&quicksearch_order=306,DESC-326,ASC

 

โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google