มอเตอร์โชว์: ปรับโฉมใหม่ โดดเด่นด้วยไฟท้ายลายธง Union Jack

  • 0 ตอบ
  • 1150 อ่าน
มอเตอร์โชว์: ปรับโฉมใหม่ โดดเด่นด้วยไฟท้ายลายธง Union Jack

มินิ ประเทศไทย ทำการเปิดตัวรถยนต์ MINI รุ่นปรับโฉมใหม่ ประกอบด้วย MINI Hatch 3 ประตู, MINI Hatch 5 ประตู, MINI Convertible และ MINI John Cooper Works Hatch 3 ประตู ซึ่งทั้ง 4 รุ่น ได้รับการปรับใหม่ ทั้งโลโก้, ไฟหน้า, ล้อ ไปจนถึงการตกแต่งภายใน โดยจุดที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ๊ค ในด้านสมรรถนะก็ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์และชุดเกียร์อัตโนมัติให้ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ภายนอก โดดเด่นสะดุดตาด้วยโคมไฟหน้าแบบฮาโลเจนในรุ่น Cooper และ Cooper D เน้นด้วยพาเนลสีดำด้านในโคมไฟ การปรับโฉมไฟหน้าแบบวงแหวนเต็มวงดีไซน์ใหม่ ในรุ่น Cooper S สว่างชัดยิ่งขึ้นทั้งไฟสูง และไฟต่ำด้วยไฟแบบ LED พร้อม LED Daytime Running Light พร้อมไฟเลี้ยวภายในวงแหวนเดียวกัน

ทั้งยังมีเทคโนโลยีล่าสุด Adaptive LED Headlights ในรุ่น MINI John Cooper Works Hatch 3 ประตู ที่จะช่วยปรับความสว่างของไฟหน้าแบบอัตโนมัติตามสภาพเส้นทาง และปรับองศาไฟขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ระบบนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Matrix light ที่ยกระดับทัศนวิสัยในการขับขี่ด้วยการเปิด-ปิดระบบไฟส่องสว่างโดยอัตโนมัติเมื่อกล้องในรถยนต์ตรวจจับได้ว่ามีรถยนต์คันอื่นสวนมา

เพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ MINI ได้รับไฟท้ายให้โดดเด่นด้วยลายธง Union Jack ในรุ่น Cooper S และ John Cooper Works Hatch โดยไฟเบรกจะใช้เส้นแนวตั้ง ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นเส้นแนวนอน

ไม่เพียงเท่านี้ MINI ยังได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ ใหม่ให้มีความเรียบง่าย ด้วยการออกแบบ 2 มิติ สำหรับโลโก้ใหม่นี้จะติดตั้งอยู่บริเวณฝากระโปรงหน้า, ฝากระโปรงท้าย, พวงมาลัย และบนกุญแจรีโมท ซึ่งการปรับเปลี่ยนโลโก้ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็น MINI ที่ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน ผสานการออกแบบที่โดดเด่น และคุณภาพยนตรกรรมระดับพรีเมียม

MINI รุ่นปรับโฉมใหม่ ทั้ง 3 ประเภทตัวถัง จะมาพร้อมกับสีใหม่อีก 3 สี นั่นก็คือ สีเทา Emerald Grey Metallic, สีน้ำเงิน Starlight Blue Metallic และสีส้ม Solaris Orange Metallic พร้อมเสริมความสปอร์ตดุดันในรุ่น Cooper S ด้วย Piano Black Exterior สีดำเงาที่กรอบโคมไฟหน้า โคมไฟท้าย และกระจังหน้ารถ

นอกจากนี้ ยังมีล้ออัลลอยลายใหม่ทั้งหมด 4 แบบที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่น คือ ลาย Victory Spoke Black ขนาด 16 นิ้ว, ลาย Roulette Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว, ลาย Rail Spoke 2-tone ขนาด 17 นิ้ว และ ลาย MINI Yours Vanity Spoke 2-tone ขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมฝาครอบล้อใหม่ลาย MINI Yours

ด้านการตกแต่งภายใน MINI ได้เพิ่มทางเลือกของสีเบาะนั่งและห้องโดยสารทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Leather Chester, Leather Malt Brown, Leather Cross Punch Carbon Black และล่าสุดกับ Leather Lounge Satellite Grey ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความไม่เหมือนใคร และเติมความโดดเด่นบนท้องถนนให้กับ MINI Convertible

ส่วนพวงมาลัยจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้าน ที่จะแตกต่างกันในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานในแต่ละรุ่น ด้านซ้ายจะมีปุ่มควบคุม Speed Limit ส่วนด้านขวาจะเกี่ยวข้องกับระบบความบันเทิงและเครื่องเสียง นอกจากนี้ มินิทุกรุ่นยังมาพร้อมกับหน้าจอดิจิทัลพร้อมระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว หรือ 8.8 นิ้วที่มีเทคโนโลยีไร้สายแบบ Bluetooth ติดตั้งในตัวเพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึงเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้

ไม่เพียงเท่านี้ MINI ยังเพิ่มลูกเล่นด้วยชุดอุปกรณ์เสริม MINI Excitement มาพร้อมกับระบบ MINI Logo Projection ที่สร้างเอกลักษณ์สะดุดตาด้วยการฉายโลโก้มินิลงบนพื้นนอกตัวรถบริเวณฝั่งคนขับเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ ส่วนในรุ่น John Cooper Works ได้ติดตั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) สามารถชาร์จได้กับโทรศัพท์รุ่นที่รองรับ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกเสริมให้ติดตั้งพอร์ต USB เพิ่มเติมที่คอนโซลหน้ารถได้อีกด้วย

นอกจากการปรับโฉมภายนอกและภายในแล้ว ครั้งนี้ MINI ยังได้ปรับปรุงเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ให้สนุกมากขึ้น โดยเครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่นจะมีการเพิ่มแรงดันสูงสุดในการฉีดน้ำมันจาก 200 เป็น 350 บาร์ ควบคู่ไปกับใบพัดเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่ทนทานต่อความร้อนสูง รวมถึงมีการปรับแรงดันหัวฉีดน้ำมันทำให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ขณะที่ฝาครอบเครื่องยนต์นำวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) มาใช้เป็นครั้งแรก จึงทำให้มีน้ำหนักเบาลง เสริมสมรรถนะให้รวดเร็วฉับไวขึ้น

MINI Hatch จะมาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo โดยมีให้เลือกสรรทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ในรุ่น Cooper และ Cooper D ด้านคูเปอร์ และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร ในรุ่น Cooper S ที่ให้กำลังสูงถึง 192 แรงม้า ควบคู่กับแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ด้านระบบเกียร์พัฒนาเพิ่มเติมด้วยคันเกียร์ระบบไฟฟ้า โดยในรุ่น Cooper และ Cooper S จะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนในรุ่น John Cooper Works Hatch เสริมความสปอร์ตด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ตอบสนองรวดเร็วในสไตล์รถแข่ง

MINI Hatch 3 ประตู ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.8 วินาที ส่วน MINI Hatch 5 ประตู ให้กำลัง 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.7 วินาที และ MINI Convertible ให้กำลัง 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที ด้าน MINI John Cooper Works Hatch 3 ประตู ยังคงให้ความตื่นเต้นเร้าใจเหมือนอยู่ในสนามแข่งด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง, ช่วงล่าง รวมถึง ชุดแต่ง และล้ออัลลอยแบบ John Cooper Works Cup Spoke, 2-tone ขนาด 18 นิ้ว เครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo พร้อมมอบกำลัง 231 แรงม้า ที่สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที

ลูกค้า MINI ยังอุ่นใจด้วยโปรแกรม MINI Service Inclusive (MSI) ให้เลือกสรรตามความต้องการ ด้วยแพ็คเกจเริ่มต้น MSI Standard ที่ครอบคลุมระยะการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม. และรับประกัน 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง โดย MINI Hatch, MINI Convertible และ MINI John Cooper Work รุ่นปรับโฉมใหม่ จะประกาศ ราคาจำหน่าย อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้

 

โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google