ข้อมูลโรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)

  • 0 ตอบ
  • 30 อ่าน
ข้อมูลโรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
« เมื่อ: 03กรกฎาคม2025, 14:27:08pm »
ข้อมูลโรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)

กรวยไตอักเสบ คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในไตและกรวยไต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ โดยทั่วไปแล้ว การติดเชื้อนี้มักจะเริ่มต้นจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ) แล้วลุกลามขึ้นไปตามท่อไตจนถึงไต ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นอันตรายต่อเนื้อไตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุของกรวยไตอักเสบ
สาเหตุหลักของกรวยไตอักเสบคือการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อ E. coli (Escherichia coli) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในลำไส้ใหญ่ การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้จาก:

การลุกลามจากทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ แล้วเคลื่อนที่ขึ้นไปที่กระเพาะปัสสาวะ (ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ) จากนั้นเชื้ออาจเดินทางย้อนขึ้นไปตามท่อไตจนถึงไต

การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ: สิ่งที่ขัดขวางการไหลของปัสสาวะ เช่น นิ่วในไตหรือท่อไต ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย หรือความผิดปกติทางโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะคั่งค้างและเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย

ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ (Vesicoureteral Reflux - VUR): เป็นภาวะที่ปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะไปยังท่อไตและไต ซึ่งพบบ่อยในเด็ก ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ไตได้ง่ายขึ้น

ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเอดส์ หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน มีความเสี่ยงสูงขึ้น

การใส่สายสวนปัสสาวะ: เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การตั้งครรภ์: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการกดทับท่อไตโดยมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น อาจทำให้ปัสสาวะไหลช้าลงและเพิ่มความเสี่ยง

อาการของกรวยไตอักเสบ
อาการของกรวยไตอักเสบมักจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและมีความรุนแรงมากกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการที่พบบ่อยได้แก่:

ไข้สูง หนาวสั่น: เป็นอาการที่เด่นชัด มักมีไข้สูงถึง 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป และมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย

ปวดหลัง หรือปวดบั้นเอว: มักปวดบริเวณสีข้าง หรือหลังส่วนล่าง ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง โดยมีอาการกดเจ็บที่บั้นเอว (Costovertebral angle tenderness)

อาการของทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง:

ปัสสาวะแสบขัด

ปัสสาวะบ่อย

ปวดเบ่งเวลาปัสสาวะ

ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น หรือขุ่น

อาการทั่วไป:

คลื่นไส้ อาเจียน

เบื่ออาหาร

อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว

ในเด็กเล็ก อาจมีอาการไม่จำเพาะ เช่น ไข้สูง อาเจียน ซึม หรือไม่ยอมดูดนม

การวินิจฉัย
การวินิจฉัยกรวยไตอักเสบทำได้โดย:

การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะสอบถามอาการและตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการกดเจ็บบริเวณบั้นเอว

การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis): พบเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และแบคทีเรียในปัสสาวะ

การเพาะเชื้อปัสสาวะ (Urine Culture): เพื่อระบุชนิดของเชื้อแบคทีเรียและทดสอบความไวของยาปฏิชีวนะ (Antibiotic Susceptibility Test)

การตรวจเลือด: อาจพบเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น และค่าการทำงานของไตอาจผิดปกติในบางราย

การตรวจภาพทางรังสี (Imaging Studies): เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ CT scan อาจทำในกรณีที่สงสัยภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ หรือการติดเชื้อรุนแรง

การรักษา
การรักษากรวยไตอักเสบมักจะใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก โดยอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและชนิดของเชื้อ:

ยาปฏิชีวนะ:

ชนิดฉีด: ในกรณีที่มีอาการรุนแรง มีไข้สูงมาก คลื่นไส้อาเจียนมากจนรับประทานยาไม่ได้ หรือผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำในโรงพยาบาล

ชนิดรับประทาน: เมื่ออาการดีขึ้น หรือในกรณีที่อาการไม่รุนแรง สามารถให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานต่อจนครบตามที่แพทย์กำหนด (โดยทั่วไปประมาณ 7-14 วัน)


การรักษาตามอาการ:

ยาลดไข้แก้ปวด เช่น พาราเซตามอล

ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน

การดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ

การแก้ไขสาเหตุ: หากมีสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่ว แพทย์อาจพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม เช่น การผ่าตัดเพื่อนำนิ่วออก


ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีหรือไม่ครบถ้วน กรวยไตอักเสบอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้:

การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis): เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต

ไตเป็นหนอง (Renal Abscess): เกิดหนองในเนื้อไต

ไตวายเฉียบพลัน: การติดเชื้อที่รุนแรงอาจทำให้การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็ว

ไตวายเรื้อรัง: การติดเชื้อซ้ำๆ หรือการอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่ความเสียหายของไตอย่างถาวร


การป้องกัน

ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยขับแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ

ไม่กลั้นปัสสาวะ: ควรปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด

สุขอนามัยที่ดี: โดยเฉพาะในเพศหญิง ควรเช็ดทำความสะอาดจากหน้าไปหลังหลังการขับถ่าย เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ

รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะส่วนล่างให้หายขาด: หากมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบพบแพทย์และรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบถ้วน

แก้ไขภาวะที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ: เช่น การรักษานิ่วในไต

หากมีอาการที่สงสัยว่าเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ

 

โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google